xs
xsm
sm
md
lg

ผ่างบ 7 หุ้นกลุ่ม ปตท. กำไรวูบกว่าแสนล้าน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประกาศงบปี 2563ไปหมดแล้วสำหรับ 7 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่ม ปตท. รายได้-กำไรสุทธิลดลงถึง 5 บริษัท เฉพาะแค่ บมจ.ปตท. รายได้หายไป 6 แสนล้านบาท หรือ -27.04% และกำไรหดลงไป 5.5 หมื่นล้าน หรือ -59.37% และถ้ารวมทั้ง 5 บริษัทแล้วรายได้ลดไปถึง 9 แสนล้านบาท และกำไรหดไปกว่าแสนล้านบาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1.บมจ.ปตท. (PTT) หุ้นเบอร์ 1 มาร์เกตแคปสูงที่สุด 1,142,519.85 ล้านบาท ก่อตั้งมา 20 ปี แต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2554 มี กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่สุด 51.11%

ส่องรายได้ลดลง 2 ปีติดในปี 2561 รายได้รวม 2,367,958.54 ล้านบาท ปี 2562 เหลือ 2,261,039.45 ล้านบาท ปี 2563 เหลือ 1,649,690.90 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 611,348.55 ล้านบาท หรือ -27.04%

ส่วนกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 135,179.60 ล้านบาท พอปี 2561 เหลือ 119,683.94 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 เหลือ 92,950.60 ล้านบาท

และล่าสุดปี 2563 เหลือ 37,765.81 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 55,184.79 ล้านบาท หรือ -59.37%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นปี 2562 เท่ากับ 2,484,438.68 ล้านบาท และปี 2563 คือ 2,544,182.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59,744.20 ล้านบาท หรือ +2.40%

และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ที่ 1.42 เท่า ขณะที่ราคาปี 2562 อยู่ที่ -4.35% ปี 2563 อยู่ที่ -3.41% และปี 2564 YTD อยู่ที่ -5.88%

2.บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ก่อตั้งบริษัทมา 36 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี 2536 ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 63.79% ปัจจุบัน มาร์เกตแคป 456,548.32 ล้านบาท

รายได้ปี 2562 เท่ากับ 199,202.10 ล้านบาท และในปี 2563 รายได้รวม 168,725.38 ล้านบาท ลดลง 30476.72 ล้านบาท หรือ -15.30%

ส่วนกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 20,579.46 ล้านบาท พอปี 2561 เพิ่มเป็น 36,206.29 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 พุ่ง 48,802.54 ล้านบาท

และล่าสุด ปี 2563 เหลือ 22,664.01 ล้านบาท ลดจากปี 2562 เท่ากับ 26,138.53 ล้านบาท หรือ -53.56%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมปี 2562 เท่ากับ 669,464.01 ล้านบาท และปี 2563 คือ 675,637.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,173.09 ล้านบาท หรือ +0.92%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ที่ 0.91 เท่า ซึ่งถือว่ามีภาระหนี้สินต่ำ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ขณะราคาปี 2562 อยู่ที่ +9.69% ปี 2563 อยู่ที่ -21.08% และปี 2564 YTD อยู่ที่ +17.05%

3.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ก่อตั้งบริษัทมา 10 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2554 ปตท. ถือหุ้นใหญ่สุด 47.68% ปัจจุบันมาร์เกตแคป 282,930.28 ล้านบาท

รายได้ลดลง 2 ปีติด โดยในปี 2561 รายได้รวม 529,734.02 ล้านบาท พอมาปี 2562 รายได้รวม 422,973.52 ล้านบาท

และในปี 2563 รายได้รวม 336,467.44 ล้านบาท ลดจากปี 2562 เท่ากับ 86,506.08 ล้านบาท หรือ -20.45%

ส่วนกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 39,298.31 ล้านบาท พอปี 2561 เพิ่มเป็น 40,069.49 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 เหลือ 11,682.08 ล้านบาท

และล่าสุดปี 2563 เหลือ 199.61 ล้านบาท ลดจากปี 2562 เท่ากับ 11,482.47 ล้านบาท หรือ -98.29%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น โดยปี 2562 เท่ากับ 452,514.39 ล้านบาท และปี 2563 เพิ่มเป็น 489,382.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,868.26 ล้านบาท หรือ +8.15%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ที่ 0.71 เท่าถือว่ามีภาระหนี้สินต่ำ การเงินแข็งแกร่ง ขณะที่ราคาปี 2562 อยู่ที่ +20.00% ปี 2563 อยู่ที่ +2.63% และปี 2564 YTD อยู่ที่ +7.26%

4.บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ก่อตั้งบริษัทมา 60 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี 2547 มี ปตท. ถือหุ้นใหญ่สุด 45.03% ปัจจุบันมาร์เกตแคป 120,871.65 ล้านบาท

รายได้ลดลง 2 ปีติด โดยในปี 2561 รายได้รวม 393,039.39 ล้านบาท พอมาปี 2562 รายได้รวม 369,503.80 ล้านบาท

และในปี 2563 รายได้รวม 259,179.27 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 110,324.53 ล้านบาท หรือ -29.86%

ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 24,856.20 ล้านบาท พอปี 2561 เหลือ 10,149.04 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 เหลือ 6,276.68 ล้านบาท

และล่าสุดปี 2563 ขาดทุน -3,301.41 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 9,578.09 ล้านบาท หรือ -152.60%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่ม ปี 2562 เท่ากับ 283,444.53 ล้านบาท และปี 2563 คือ 306,187.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22743.13 ล้านบาท หรือ +8.02%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ในสัดส่วน 1.60 เท่า ขณะที่ราคาปี 2562 อยู่ที่ +5.28% ปี 2563 อยู่ที่ -25.48% และปี 2564 YTD อยู่ที่ +13.94%

5.บมจ.ไออาร์พีซี จำกัด (IRPC) ก่อตั้งบริษัทมา 43 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี 2538 ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 47.55% ปัจจุบันมาร์เกตแคป 71,929.16 ล้านบาท

รายได้ลดลง 2 ปีติด โดยในปี 2561 รายได้รวม 282,750.80 ล้านบาท พอมาปี 2562 รายได้รวม 243,632.50 ล้านบาท

และในปี 2563 รายได้รวม 176,337.87 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 67,294.63 ล้านบาท หรือ -27.62%

ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 11,354.48 ล้านบาท พอปี 2561 เหลือ 7,734.99 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 ขาดทุน -1,174.04 ล้านบาท

และล่าสุดปี 2563 ขาดทุน -6,151.70 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เท่ากับ 4,977.66 ล้านบาท หรือ -80.91%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมลดลง โดยปี 2562 เท่ากับ 177,850.39 ล้านบาท และล่าสุดปี 2563 เหลือ 173,490.55 ล้านบาท ลดลง 4,359.84 ล้านบาท หรือ +2.45%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ที่ 1.29 เท่า ขณะราคาปี 2562 อยู่ที่ -36.00% ปี 2563 อยู่ที่ +1.09% และปี 2564 YTD อยู่ที่ -5.38%

6.บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ก่อตั้งบริษัทมา 8 ปี เข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2558 มี ปตท. ถือหุ้นใหญ่สุด 22.81% ปัจจุบันมาร์เกตแคป 212,184.63 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้รวม 68,635.26 ล้านบาท ในปี 2563 รายได้รวม 71,908.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,273.08 ล้านบาท หรือ +4.77%

ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 3,174.58 ล้านบาท พอปี 2561 เพิ่มเป็น 3,359.19 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 คือ 4,060.80 ล้านบาท

และล่าสุดปี 2563 คือ 7,508.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 เท่ากับ 3,447.33 ล้านบาท หรือ +84.90%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นปี 2562 เท่ากับ 252,016.62 ล้านบาท ปี 2563 เท่ากับ 256,656.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,639.70 ล้านบาท หรือ +1.84%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ในสัดส่วน 1.40 เท่า ขณะราคาปี 2562 อยู่ที่ +64.53% ปี 2563 อยู่ที่ -13.99% และปี 2564 YTD อยู่ที่ +2.03%

7.บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ก่อตั้งบริษัทมา 14 ปี เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2564 มี ปตท. ถือหุ้นใหญ่สุด 74.16% ปัจจุบัน มาร์เกตแคป 116,100.00 ล้านบาท

รายได้ปี 2562 รายได้รวม 434,148.15 ล้านบาท และในปี 2563 รายได้รวม 584,141.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149,993.34 ล้านบาท หรือ +34.55%

ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิปี 2562 เท่ากับ 10,895.81 ล้านบาท และล่าสุดปี 2563 เท่ากับ 8,791.07 ล้านบาท ลดลง 2,104.74 ล้านบาท หรือ -19.31%

ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รวมปี 2562 เท่ากับ 144,979.30 ล้านบาท และล่าสุดปี 2563 เท่ากับ 152,176.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,196.91 ล้านบาท หรือ +4.96%

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ปี 2563 อยู่ในสัดส่วน 2.93 เท่า แม้จะสูงแต่เข้าใจได้ว่าเป็นหนี้ที่ใช้ในการขยายกิจการ ขณะราคาปี 2564 ตั้งแต่เข้า IPO อยู่ที่ +63.89%

สรุปในเครือ ปตท. มี 5 หลักทรัพย์ที่รายได้และกำไรลดลง ประกอบด้วย PTT รายได้ลดลง 611,348.55 ล้านบาท PTTEP รายได้ลดลง 30,476.72 ล้านบาท PTTGC รายได้ลดลง 86,506.08 ล้านบาท TOP รายได้ลดลง 110,324.53 ล้านบาท IRPC รายได้ลดลง 67,294.63 ล้านบาท รวมกำไรลดลง 905,950.51 ล้านบาท

ในส่วนของกำไรที่ลดลง PTT ลดลง 55,184.79 ล้านบาท PTTEP ลดลง 26,138.53 ล้านบาท PTTGC ลดลง 11,482.47 ล้านบาท TOP ลดลง 9,578.09 ล้านบาท IRPC ลดลง 4,977.66 ล้านบาท รวม 5 หลักทรัพย์กำไรลดลง 107,361.54 ล้านบาท และมีเพียง GPSC และ OR 2 หลักทรัพย์ที่ทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น