บอร์ด "เอเชีย กรีน เอนเนอจี" อนุมัติลงทุนซื้อสิทธิการเช่ากิจการท่าเรือ และโกดังสินค้า พร้อมอนุมัติซื้อรถบรรทุกเพิ่มอีก 50 คัน มูลค่ารวม 290 ล้านบาท หวังสยายปีกต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ในอนาคต ตอกย้ำศักยภาพความครบวงจรการขนส่งทั้งทางบก-น้ำ พร้อมคาดมีรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ 2,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจถ่านหินก็เร่งเดินหน้าขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่ม จากดีมานด์การใช้มีต่อเนื่อง ส่วนปี 63 กวาดรายได้รวม 7,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรสุทธิ 225 ล้านบาท พร้อมปันผล 0.10 บาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้าน โลจิสติกส์ (ขนส่งทางน้ำ ขนส่งทางบก ท่าเรือ คลังสินค้า) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยเข้าซื้อสิทธิการเช่ากิจการท่าเรือ 3 ท่า และโกดังสินค้า 5 หลัง บนพื้นที่ทั้งหมด 31 ไร่ ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีมูลค่าการลงทุน 90 ล้านบาท ซึ่งการเข้าลงทุนซื้อสิทธิการเช่ากิจการในครั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้มีความครบวงจรในการให้บริการด้านธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทย่อย ให้มีความแข็งแกร่ง และสามารถรองรับความต้องการด้านการขนส่งในทุกมิติให้แก่กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้ หลังจากดีลการซื้อสิทธิการเช่าท่าเรือแล้วเสร็จ ส่งผลให้ AGE มีท่าเรือเพิ่มเป็น 6 ท่า จากปัจจุบันมีท่าเรืออยู่แล้ว 3 ท่า
“จากแผนการลงทุนแบบเชิงรุกในครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ในปีนี้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีการขนส่งผ่านท่าอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าด้านการขนส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทสินค้าเกษตร ปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย และแร่เหล็ก เป็นต้น”
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังได้มีมติอนุมัติการลงทุนการเข้าซื้อรถบรรทุกเพิ่มอีก จำนวน 50 คัน มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท จากการขยายแผนธุรกิจโลจิสติกส์ในเชิงรุก ทำให้ในปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์จากบริษัทในเครือ และกลุ่มลูกค้าภายนอกอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 7,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ซึ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 7,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในงวดปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 225 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดขายถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศแตะระดับ 4.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 56.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมทะลุเป้าทั้งปีที่วางไว้ 4 ล้านตัน รวมทั้งมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 มีนาคม 2564 และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 16 มีนาคม 2564 เพื่อกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2564