โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล (KISS) น้องใหม่ไอพีโอ พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 19 ก.พ.นี้ ระบุนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจล้นหลาม พร้อมชูแผนลงทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงกว้างขวาง พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ หนุนมีรายได้โตก้าวกระโดดแตะ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 67
นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 19 ก.พ.64 หลังจากปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 152,641,600 หุ้น หรือ คิดเป็นไม่เกิน 25.4% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นละ 9.00 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจและศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ ‘มุ่งก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านความงามและสุขภาพของเอเชีย’ (True Health and Beauty Company) บริษัทฯ มีแผนลงทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ใหม่เพื่อตอบโจทย์และขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมหลากหลาย โดยจะขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มความงามและสุขภาพอย่างครบวงจร (Health & Beauty) เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ Rojukiss และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แบรนด์ใหม่ Wonder Herb
ขณะเดียวกัน จะพัฒนาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี เครื่องมือวิเคราะห์สภาพผิว Mobile Skin Analysis เข้ามาช่วยผลักดันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทันทีผ่านการเชื่อมต่อช่องทาง E-commerce
จับมือ GRAMMY เป็นพันธมิตร ตั้ง บ.ร่วมทุน
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ในการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและช่องทางการจำหน่ายตรงไปยังผู้บริโภค (Direct-to-consumer : D2C) รวมถึงการมุ่งส่งเสริมความแข็งแกร่งในตลาดอาเซียนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาด โดยมุ่งเจาะตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพที่มีศักยภาพเติบโตสูง
"เราจะใช้พลังแห่งนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าความงามและสุขภาพ (Health & Beauty) ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียน โดยนำเทคโนโลยีด้านความงามเพื่อสร้างฐานข้อมูลเชิงลึกในพฤติกรรมของผู้บริโภค และนำไปต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และทำให้ KISS ก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมความงามและสุขภาพของเอเชีย โดยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 67 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 20% ต่อปี นับจากปี 62” นางวรวรรณ กล่าว
ที่ปรึกษาฯ เผยนักลงทุนสถาบัน-รายย่อยให้ความสนใจล้น
น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ในช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ KISS ระหว่างวันที่ 5 และ 8-9 ก.พ.64 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
โดยมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเป็นจำนวนมากกว่า 20 เท่าของจำนวนหุ้นที่นำเสนอขาย เนื่องจาก KISS มีจุดแข็งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้ความได้เปรียบจากการเป็นบริษัท Asset Light และการมีเครือข่ายพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ที่เอื้อต่อการคิดค้นพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ทำให้ KISS เป็นบริษัทที่มีความแตกต่างและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นแม้ในสถานการณ์โควิด-19 และมีอัตรากำไรสุทธิที่สูง ประมาณร้อยละ 17 และ 19 ในปี 62 และงวด 9 เดือนแรก ปี 63 ตามลำดับ
สำหรับกลุ่มผู้ถือใหญ่ตามข้อมูลไฟลิ่ง ประกอบด้วย Aurora Asia Holding (AAH) และ น.ส.ปิยะวดี สอนสิงห์ มีความประสงค์จะขายหุ้นสามัญเดิมบางส่วนที่ตนเองถือผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) ในวันแรกที่หุ้น Kiss เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการซื้อขายหุ้นดังกล่าวไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือมีผลต่อและการบริหารงาน และการเสนอขายหุ้นดังกล่าวไม่เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอขายหุ้น IPO อีกทั้ง AAH น.ส.ปิยะวดี และผู้ถือหุ้นเดิมตามที่บริษัทฯ กำหนดจำนวนรวมกันเป็นจำนวนเท่ากับ 55.0% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้จะถูกสั่งห้ามขายตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่องค์กรอย่างมั่นคงและยั่งยืน กลุ่ม Guts & Good ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ถือหุ้นโดยผู้บริหารและพนักงานบริษัท KISS ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ได้ทำข้อตกลงเกี่ยวกับ Voluntary Lock-up ที่จะไม่ขายหุ้นหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 3 ปีอีกด้วย