เผยตลาดบ้านหรูกลางเมืองรับอานิสงส์โควิด-19 หลังลูกค้าบ้านหรูพฤติกรรมเปลี่ยน หันมาเลือกชอปบ้านหรู 10-100 ล้านบาทย่านใจกลางเมือง ระบุตอบไลฟ์สไตล์ผู้ซื้อคอนโดซูเปอร์ลักชัวรีเปลี่ยน คุ้มค่าการซื้อในราคาระดับเดียวกัน เน็กซัสฯ สบช่องเปิดตัวแคมเปญ “Luxury House Grand Sale” พร้องตั้งเป้ายอดขาย 600 ล้านบาท
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบ้านหรูใจกลางเมืองยังคงเติบโตได้ดี และมีซัปพลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีโครงการใหม่เกิดขึ้น 56 โครงการ จำนวน 796 หน่วย มูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้ามาพัฒนาโครงการในลักษณะนี้มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และรายย่อยที่ต้องการทำสินค้า niche market จริงๆ
ทั้งนี้ โครงการบ้านหรูส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กและมีต้นทุนไม่สูงเมื่อเทียบกับกำไร ทำให้การพัฒนาโครงการประเภทนี้ดึงดูดให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดมีสัดส่วน 39% ของซัปพลายทั้งหมด
โดยโครงการบ้านหรูกว่า 90% ของซัปพลายอยู่ในโซนที่เชื่อมต่อกับใจกลางเมือง หรือ CBD การเดินทางสะดวกคล่องตัว ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าหรือขนส่งสาธารณะ โดยทำเลที่มีบ้านมากที่สุดคือ เอกมัย-รามอินทรา 26% รองลงมาเป็นสาทร-พระรามสาม 21% และสุขุมวิท 20% ขณะเดียวกัน ก็เริ่มขยายตัวไปในย่านรัชดา-ลาดพร้าวตอนต้น และพหลโยธินด้วย โดยส่วนใหญ่โครงการจะอยู่ในซอยย่อยที่สามารถเดินทางเข้าออกสะดวก ซึ่งที่ดินอาจมีข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลทำให้ราคาที่ดินต่ำกว่าบริเวณใกล้เคียง ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบทางการตลาดจากศักยภาพที่ดินที่ต่างกัน
"สินค้าในตลาดนี้ระดับราคาต่อหน่วยมีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับว่ามีปัจจัยหลายประการ เช่น ทำเลที่ตั้ง ขนาดของที่ดิน ขนาดบ้าน และวัสดุที่ใช้ในโครงการ โดยนิยามบ้านหรูในระดับนี้จะเริ่มต้นที่ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงมากกว่า 100 ล้านบาท"
สำหรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 30-50 ล้านบาท 42% และ 20-30 ล้านบาท 27% ส่วนการจะเปรียบเทียบราคาบ้านในกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด คือ เปรียบเทียบกับราคาคอนโดมิเนียม โดยที่บ้านระดับนี้ราคาต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ในแต่ละทำเลจะมีราคาถูกกว่าคอนโดอย่างน้อย 3 เท่า เช่น บริเวณสาทร คอนโดซูเปอร์ลักชัวรีเฉลี่ย 293,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่บ้านราคาคิดเป็นตารางเมตรอยู่ที่ 78,000 บาท จะเห็นได้ว่าในงบประมาณ 50 ล้านบาท อาจจะได้คอนโดเพนต์เฮาส์ 200 ตารางเมตร เปรียบเทียบกับบ้านที่ได้บ้านพร้อมที่ดินที่ใหญ่กว่า 700 ตารางเมตร เป็นต้น
นางนลินรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของดีมานด์ตลาดบ้านหรูนั้น ปัจจุบันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับบน จากคอนโดเป็นบ้านใจกลางเมือง แต่ยังคงความสะดวกสบายและหรูหรา เหมือนใช้ชีวิตในอาคารชุด ขณะเดียวกัน ยังได้เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านด้วย เป็นกลุ่มที่เรียกว่า real demand หรือ ผู้อยู่อาศัยจริง
"ปกติแล้วการขายบ้านประเภทนี้อาจไม่ได้รวดเร็วมากนัก ซึ่งระยะเวลาการขายเฉลี่ยแต่ละโครงการอยู่ที่ 2-3 ปี ยอดขายเฉลี่ยในตลาดอยู่ที่ 53% ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายแตกต่างกันขึ้นอยู่กับราคา เมื่อเปรียบเทียบกับทำเลที่เหมาะสม ความสะดวกสบายของทำเลเมื่อเทียบกับราคา และคุณภาพของสินค้า"
ทั้งนี้ ในแง่ของการลงทุนนั้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่แตกต่าง และมีจำนวนจำกัด (Rare Item) โครงการไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางมาก ทำให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลส่วนกลางได้มากขึ้น ประกอบกับตัวโครงการตั้งอยู่ทำเลในเมือง ได้ที่ดินเป็นของตัวเอง โอกาสในการปรับตัวของราคาสูงขึ้นในอนาคตมีมาก โดยเฉพาะจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จึงนับเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้ทั้งไลฟ์สไตล์ และผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำใหเน็กซัสฯ มองเห็นโอกาสที่จะทำให้ “ผู้ซื้อ” สามารถเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริง ทั้งในแง่ของงบประมาณและไลฟ์สไตล์ จึงเป็นที่มาของการจัดแคมเปญ Luxury House Grand Sale” แคมเปญที่รวบรวมบ้านหรูใจกลางเมืองกว่า 20 โครงการ ในราคาเริ่มต้น 22.9-70 ล้านบาท ซึ่งมาพร้อมส่วนลดสูงสุด 11 ล้านบาท และ Voucher เฟอร์นิเจอร์โดย Euro Creations จากอิตาลี รวมทั้งโปรโมชันพิเศษอีกมากมาย พิเศษเฉพาะลูกค้าเน็กซัสฯ ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 64 นี้