ผ่านเดือนแรกของปี 2564 ปีวัวทองไปแล้ว โดยสิ้นปี 2563 ดัชนี SET ปิดที่ 1,449.35 จุด พอเปิดมา ปี2564 วันแรกเปิดตลาด SET ขึ้นไปที่ 1,468.24 จุด จากนั้น วันรุ่งขึ้น (5 มกราคม 2564) ปิด ทะลุ 1,500 จุด (ปิดที่ 1,506.65 จุด) และวันสุดท้ายซื้อขายของเดือน (29 มกราคม 2564) SET ปิดตลาดที่ 1,466.98 จุด และถ้าเทียบกับวันแรกของปี 2564 เท่ากับลดลง 1.26 จุด หรือ 0.08%
และครึ่งปีแรกของ 2564 ดัชนี SET 100 มี เข้าใหม่ 4 หลักทรัพย์ คือ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) , บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) , บมจ.เจ มาร์ท (JMART) และบมจ.เอ็ม บี เค (MBK) โดย BAM ถูกคาดหวังว่าจะโดดเด่นที่สุดเพราะถูกคัดเข้าทั้งดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่งจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากสุดตามสถิติในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา SET 100 มีหลายหลักทรัพย์ที่โดดเด่น และน่าผิดหวังโดยเริ่มจาก 10 อันดับหลักทรัพย์ที่ราคาวิ่งแรงที่สุดประกอบด้วย
อันดับ 1 บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 39.75 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 53.75 บาท ขยับขึ้น 14.00 บาท หรือ +35.22% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +4.55% และในปี 2563 อยู่ที่ +15.22% ทั้งนี้ HANA ถือเป็นเบอร์ต้นๆ ของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้อานิสงส์จากความต้องการอุปกรณ์ไอทีเพิ่มสูงขึ้นจากการ Work From Home และการเรียนหนังสือผ่านออนไลน์
อันดับ 2 บมจ.อาร์เอส (RS)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 17.30 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 23.00 บาท ขยับขึ้น 5.70 บาท หรือ +32.95% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคา ในปี 2562 อยู่ที่ -16.89% และในปี 2563 อยู่ที่ +40.65% ทั้งนี้ RS ถูกคาดหวังว่า กำไรปี 2563 จะเพิ่มขึ้นมากพร้อมกับธุรกิจมีเดียยังมีอนาคต และล่าสุดยังหันไปเพิ่มไลน์สู่ศึกในธุรกิจไฟแนนซ์อีกด้วย
อันดับ 3 บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 41.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 55.00 บาท ขยับขึ้น 13.50 บาท หรือ +32.53% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -6.67% และในปี 2563 อยู่ที่ +69.39% ทั้งนี้ KCE ถูกคาดหวังผลประกอบการในปี 2563 ว่าจะดีบวกกับได้รับปัจจัยพื้นฐานที่ดีคำสั่งซื้อที่กลับมา และมีการผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทำให้ถูกมองว่ายังมีอนาคต
อันดับ 4 บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 49.25 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 65.00 บาท ขยับขึ้น 15.75 บาท หรือ +31.98% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +2.94% และในปี 2563 อยู่ที่ +12.57% ทั้งนี้ EA กลายเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า และหลายโบรคยังมองว่ามีอนาคต และมีอัพไซด์อีกราว 10-15%
อันดับ 5 บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 9.30 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 11.90 บาท ขยับขึ้น 2.60 บาท หรือ +27.96% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +33.33% และในปี 2563 อยู่ที่ +111.36% ทั้งนี้ RBF ฮอตมากจากกระแส "กัญชง-กัญชา" ซึ่ง RBF ขอใบอนุญาต ปลูก ผลิต และจำหน่าย เพื่่อประกอบเครื่องสำอาง อาหาร และเครื่องดื่ม
อันดับ 6 บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 114.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 145.50 บาท ขยับขึ้น 31.00 บาท หรือ +27.07% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +173.17% และในปี 2563 อยู่ที่ +36.31% ทั้งนี้ CBG เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำ All Time High เป็นว่าเล่นยังมีโอกาสต่อจากแผนธุรกิจที่รุกเครื่องสุขภาพตามเทรนด์โลก
อันดับ 7 บมจ.ดูโฮม (DOHOME)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 14.00 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 17.40 บาท ขยับขึ้น 3.40 บาท หรือ +24.28% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +7.14% และในปี 2563 อยู่ที่ +67.53% ทั้งนี้ DOHOME อิงกับปัจจัยบวกอย่างราคาเหล็กที่สูงขึ้น และสัดส่วนรายได้สินค้าตกแต่งและซ่อมแซมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้
อันดับ 8 บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 17.00 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 20.80 บาท ขยับขึ้น 3.80 บาท หรือ +22.35% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -12.77% และในปี 2563 อยู่ที่ +9.94% ทั้งนี้ GLOBAL ถูกคาดหวังว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 จะกำไรโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม
อันดับ 9 บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 7.10 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 8.55 บาท ขยับขึ้น 1.45 บาท หรือ +20.42% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -8.76% และในปี 2563 อยู่ที่ +13.60% ทั้งนี้ EPG กำลังอยู่ในธุรกิจทีมีแนวโน้มดี เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ บรรจุภัณฑ์ ฉนวนกันความร้อน/เย็น
อันดับ 10 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)
ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 20.60 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 24.10 บาท ขยับขึ้น 3.50 บาท หรือ +16.99% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -11.81% และในปี 2563 อยู่ที่ -26.43% ทั้งนี้ BCP เริ่มขยับแดนบวกบ้าง หลังปี 2562-2563 ราคาไม่สดใส ในปีนี้ผุดโครงการระยะยาว 5 ปี เร่งเครื่องเปิดปั๊ม 1,400 แห่ง
ส่วน 10 อันดับ หลักทรัพย์ที่ผลตอบแทนด้านราคายังเป็นลบในเดือนมกราคม 2564 ประกอบด้วย
อันดับ 1 บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 134.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 120.00 บาท ย่อลง 14.50 บาท หรือ -10.78% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +189.47% และในปี 2563 อยู่ที่ +103.79%
อันดับ 2 บมจ.ปตท. (PTT) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 42.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 37.75 บาท ย่อลง 4.50 บาท หรือ -10.59% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -4.35% และในปี 2563 อยู่ที่ -3.41%
อันดับ3 บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) สิ้นปี2563 ปิดที่ 14.20 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 12.80 บาท ย่อลง 1.40บาท หรือ -9.86% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +2.50% และในปี 2563 อยู่ที่ +15.45%
อันดับ 4 บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 3.72 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 3.40 บาท ย่อลง 0.32 บาท หรือ -8.60% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -36.00% และในปี 2563 อยู่ที่ +1.09%
อันดับ 5 บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 192.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 178.50 บาท ย่อลง 14.00 บาท หรือ -7.27% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +32.26% และในปี 2563 อยู่ที่ -41.31%
อันดับ 6 บมจ.ช.การช่าง (CK) ราคาเมื่อสิ้นปี 2563 ปิดที่ 16.60 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 15.40 บาท ย่อลง 1.20 บาท หรือ -7.23% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคา ในปี 2562 อยู่ที่ -24.00% และในปี 2563 อยู่ที่ -12.63%
อันดับ 7 บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 12.70 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 11.80 บาท ย่อลง 0.90 บาท หรือ -7.09% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ -30.39% และในปี 2563 อยู่ที่ -10.56%
อันดับ 8 บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 3.44 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 3.20 บาท ย่อลง 0.24 บาท หรือ -6.98% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคา ในปี 2562 อยู่ที่ -11.54% และในปี 2563 อยู่ที่ -25.22%
อันดับ 9 บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 53.00 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 49.50 บาท ย่อลง 3.50 บาท หรือ -6.60% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +35.47% และในปี 2563 อยู่ที่ -22.91%
อันดับ 10 บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) สิ้นปี 2563 ปิดที่ 34.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุด 29 ม.ค.2564 ปิดที่ 32.25 บาท ย่อลง 2.25 บาท หรือ -6.52% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของราคาในปี 2562 อยู่ที่ +7.54% และในปี 2563 อยู่ที่ -35.51%
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามในเดือนนี้ว่า ภาพรวม SET จะไปในทิศทางใด ซึ่งมีการระบุว่า ในสัปดาห์นี้มีโอกาสฟื้นตัวกรอบ 1,450-1,500 จุด และต้องจับตานักลงทุนต่างชาติ ที่ยังมีแนวโน้มขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยและเอเชียต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นด้วยนั่นเอง