สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เสริมมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อปลูกสร้างบ้าน ผ่านสมาคมการค้าอุตฯ หอการค้าไทย ทั้งมาตรการลดค่าโอน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ คาดหนุนให้ตลาดมีมูลค่ารวมได้ 12,000-12,500 ล้านบาท เผยพิษโควิด-19 ทำให้ตลาดปี 63 เติบโตลดลง 5% เผยบริษัทรับสร้างบ้านต้องปรับขึ้นค่าแรงอีก 20% เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน พร้อมประกาศนโยบายปี 64 สร้างมาตรฐานกลางการก่อสร้าง ออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน ลุยจัดกิจกรรม 2 งานใหญ่
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยถึงภาพตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2564 ว่า มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะควบคุมได้และหวังว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนในเรื่องที่รัฐบาลได้มีความชัดเจนเรื่องวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หากมีการเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนแล้วได้ผลดี จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ และเชื่อว่ากลางปี 2564 ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแน่นอน และยังมีโครงการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง ซึ่งได้ผลดีต่อการเพิ่มการจับจ่ายสอยมากขึ้นให้แก้ประชาชน
อย่างไรก็ดี ทางสมาคมรับสร้างบ้าน ในฐานะที่เป็นสมาชิกกับสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ประชุมร่วมกับนายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมฯ เพื่อหารือถึงข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง กับทางนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เช่น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือรายการละ 0.01% กับกลุ่มราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้รวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านเข้าไปอยู่ในนิยามดังกล่าว จากเดิมจะครอบคลุมเฉพาะบ้านจัดสรรและบ้านมือสองเท่านั้น รวมถึงการได้รับสนันบสนุนมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) จากธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน
"ในช่วงที่ผ่านมา ทางสมาคมรับสร้างบ้าน พยายามนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของบ้านสร้างเอง ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปี เป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 50,000 ล้านบาท และต่างจังหวัดมีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้ข้อสรุป หรือมีการออกมาตรการมาสนับสนุน เชื่อว่าจะเป็นอีกแรงกระตุ้นการตัดสินใจของประชาชนผู้บริโภค โดยในส่วนของตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่า 12,000-15,000 ล้านบาท"
สำหรับตลาดรับสร้างบ้านในปี 2563 ได้รับผลกระทบ เจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจในปีที่ผ่านมา ตลาดรวมลดลง 5% มาอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท (ตัวเลขเท่ากับปี 2561) จากเดิมที่ประมาณการทั้งปีจะมีมูลค่าอยู่ราว 12,500 ล้านบาท สาเหตุที่ตลาดรวมลดลงนั้นมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องตลอดปี 2564 ทำให้หยุดการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจ และสมาคมฯ เองก็ได้ลดการจัดกิจกรรมการตลาดเหลือเพียงครั้งเดียวเดือนตุลาคม จากปกติในแต่ละปีจะจัด 2 ครั้ง คือในช่วงเดือนมีนาคมและตุลาคม ภายใต้ชื่อ "งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020" แต่เนื่องจากมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ตามการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้ต้องหยุดการจัดงานในช่วงเดือนมีนาคมไป แต่ละครั้งของการจัดงานจะมียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายวรวุฒิ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แรงงานต่างด้าวยังไม่สามารถกลับเข้ามาในภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงานไปค่อนข้างมาก บริษัทรับสร้างบ้านต้องปรับขึ้นค่าจ้างจากวันละ 331 บาทต่อวัน เพิ่มเป็น 400 บาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เพื่อสร้างบ้านให้แก่ลูกค้า ขณะที่ ภาพรวมต้นทุนวัสดุก่อสร้างยังไม่มีแนวโน้มการปรับขึ้นราคา ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 70-75% ของต้นทุนการก่อสร้างบ้าน
"แนวโน้มราคาสร้างบ้านในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากตัวเลขของยอดขายในงานรับสร้างบ้านในแต่ละปี โดยปี 2561 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 6.9 ล้านบาท ปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 7.3 ล้านบาท และปีที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่า ในปีที่ผานมา บ้านระดับราคา 5 ล้านบาท มียอดจองในสัดส่วนที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาต่ำกว่า 2-3 ล้านบาท หายไปประมาณ 20% แต่กลับไปเพิ่มในตลาดราคา 10-20 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มผู้มีเงิน และด้วยราคาโปรโมชัน ทำให้มีความต้องการสร้างบ้านมากขึ้น"
ทั้งนี้ ในปี 2564 สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้สานต่อนโยบายต่อเนื่องจากปีก่อนใน 3 เรื่องหลักๆ ดังนี้ คือ 1.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและงานขาย เพื่อช่วยเหลือสมาชิกของสมาคมฯ และเพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสในการเข้าถึงการบริการของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้มากขึ้น ผ่านการจัดงานใหญ่ประจำปี 2 ครั้งเหมือนเดิมภายใต้ชื่อ "งานรับสร้างบ้าน Focus 2021" ในช่วงเดือนมีนาคม และ "งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งปีนี้จัดที่ศูนย์การแสดงสินค้าเมืองทองธานี
แต่อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านและสมาชิกได้เตรียมความพร้อมแบบคู่ขนานไปกับการจัดงานแบบออฟไลน์ "งานรับสร้างบ้าน Focus 2021" นั่นก็คือ ทำการตลาดแบบออนไลน์เสมือนจริง (Virtual Online) ในรูปแบบ 3 มิติเข้ามาเสริม บนเว็บไซต์ของสมาคมฯ www.hba-th.org ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาดูรายละเอียดต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การทำการตลาดแบบ Virtual Online ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปแน่ชัดว่าจะทำไปพร้อมๆ กับช่วงการจัดงาน หรือจะทำหลังการจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุฯ เรื่องนี้คงพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
2.โครงการจัดทำ “มาตรฐานกลางการก่อสร้าง” โดยสมาคมฯ ได้ร่วมกับภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำมาตรฐานกลางการก่อสร้างขึ้นมาในทุกๆระบบงานก่อสร้างที่เกี่ยวกับการก่อสร้างบ้าน การจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาจะเกิดประโยชน์ใน 3 ด้าน คือ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานงานบริการในธุรกิจรับสร้างบ้านของสมาชิกสมาคมฯ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ผู้บริโภค และเพื่อช่วยลดข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทระหว่างลูกค้ากับบริษัทรับสร้างบ้าน
และ 3.โครงการ "แบบบ้านประหยัดพลังงาน" หรือ “บ้านเบอร์ 5” โดยคาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจะได้ลงนามหนังสือบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างสมาคมฯ กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ตามนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาประเทศและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และอาจนำเอามาตรการด้านการลดหย่อนภาษีมาใช้เป็นแรงจูงใจ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนปลูกสร้างบ้านประหยัดพลังงาน หรือนำเอาแบบบ้านที่ได้รับการรับรองจาก พพ.ที่ติด "ฉลากเบอร์ 5" มาเป็นแบบในการปลูกสร้าง
นอกจากนี้ ในอนาคตสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีแนวคิดที่จะเข้าไปปรึกษาหารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ด้วยเช่นกันถึงแนวนโยบายต่างๆ ของกฟผ. เกี่ยวกับ “ค่าไฟ” ว่าจะสามารถมีแนวทางใดบ้างที่จะสร้างแรงจูงใจให้แก่ประชาชนผู้บริโภคในกรณีที่นำเอาแบบบ้านที่ได้รับการรับรองจาก พพ.ที่ติด “ฉลากเบอร์ 5” มาปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัย