xs
xsm
sm
md
lg

“คิดใหม่ให้เมือง” ตามแนวคิดของ OPENBOX ต้องตอบโจทย์ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ แนะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การวางผังเมืองและการออกแบบ มีบทบาทและความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา เสริมสร้างศักยภาพเมืองไปสู่ความยั่งยืน กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดสัมมนาวิชาการ เนื่องในวันผังเมืองโลก WELLNESS CITY TRANSFORMATION “คิดใหม่ ให้เมือง” มุ่งหาแนวทางใหม่ ทั้งด้านนโยบายและด้านกายภาพในการวางผังเมืองและออกแบบเมืองให้มีความยืดหยุ่นในทุกด้าน มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขในรูปแบบใหม่ ตลอดจนตอบโจทย์ในเรื่องเศรษฐกิจ

OPENBOX ชูแนวคิด S-E-N-S-E รวม 5 โซลูชัน พัฒนาเมืองแห่งอนาคต

รติวัฒน์ สุวรรณไตรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาปนิกโอเพนบอกซ์ จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ (OPENBOX Architects Company Limited and OPENBOX GROUP) บริษัทสถาปนิกชั้นนำของประเทศ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นในหัวข้อ “City of The Future เมืองแห่งอนาคต” ระบุว่า เมืองแห่งอนาคตคือ เมืองที่มีความคิดสร้างสรรค์การออกแบบในด้านต่างๆ รวมเข้ามาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Space efficiency) การจัดการพลังงานที่ดีและใช้พลังงานร่วมกันอย่างประสิทธิภาพ (Energy sharing) การให้ความสำคัญกับธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว (Nature & Green) การออกแบบอาคาร สถานที่ หรือเมืองให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย (Synchronization) และการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย (Exploration of living innovation) ดังนั้น การออกแบบพัฒนาเมืองของ OPENBOX GROUP จึงอยู่ภายใต้แนวคิด S-E-N-S-E ที่รวม 5 โซลูชัน สำหรับ City of the Future โดยมีคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน ทั้งด้านสุขภาพและจิตใจ


รติวัฒน์ ยกตัวอย่างว่า แนวคิดการขายสมัยใหม่สนใจการมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ซึ่งกฎของการเปิดพื้นที่สีเขียวให้แก่อาคารสูงเป็นสิ่งที่ดีมาก ช่วยจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจุบันสังคมให้ความสนใจพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ อาคารบางแห่งมีความคิดสร้างสรรค์ในการติดตั้ง solar panel หรือมีการใช้เทคโนโลยี Energy blockchain มาช่วยทำให้เกิดการแชร์พลังงานกันในแต่ละตึกที่อยู่บริเวณเดียวกัน แต่ไม่ได้ใช้พลังงานช่วงเวลาเดียวกัน เรียกว่า Energy sharing เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่ตลาดให้ความสนใจและถือเป็นจุดขายในขณะนี้ เพราะดีต่อโลกและดีต่อเมือง นั่นคือ 3 ศูนย์ (Zero) ได้แก่ 1.Zero Waste ใช้วัสดุที่ไม่มีเศษเหลือเลย ตั้งแต่ไลน์ผลิตวัตถุดิบเข้าจนออกมาจากโรงงาน 2.Zero Energy เป็น Solar Cell 100% อย่างน้อยที่สุดคือในเวลากลางวันไม่จำเป็นที่ต้องใช้แหล่งไฟฟ้าจากภายนอก และ 3.Zero Emission ไม่มีการปล่อยของเสียออกมา โดยการใช้แอร์ การใช้พลังงานทุกอย่างจะต้องหักลบกับพื้นที่สีเขียวที่มันสามารถที่จะหักล้างค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้พอดี

เชื่อมประสานความหลากหลายสร้างเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“ที่สำคัญเมืองแห่งอนาคตต้องตอบโจทย์ได้ครบถ้วนทั้งด้านสังคม และเศรษฐกิจ เพื่อให้เป็นเมืองที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายได้จากการท่องเที่ยวอันเป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจหายไป ดังนั้น ช่วงปิดประเทศควรเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามา ซึ่งไทยคือจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง และผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากทั่วโลกอย่างแน่นอน ดังนั้น การพัฒนาเมือง หรือโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การมีท่าเรือจอดสำหรับเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องมี Synergy นั่นคือ การเชื่อมโยงประสานกัน ทำให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่แค่ 1 บวก 1 เท่ากับ 2 แต่เป็น 1 บวก 1 เท่ากับ 100 โดยนำสิ่งที่มีความหลากหลายเข้ามาทำงานร่วมกัน ซึ่งก็มีหลายสิ่งที่ทำเตรียมไว้แล้ว แต่จะต้องทำให้ทุกอย่างกลายเป็น network”


ทั้งนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการท่องเที่ยว (Development of tourism infrastructure) จะทำให้เกิดกลยุทธ์ Strategic District ซึ่งนอกจากจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นแล้ว ยังสามารถจุดประกายให้พื้นที่รอบๆ เตรียมตัวในการพัฒนาด้วย เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปจังหวัดหนึ่ง เช่น ภูเก็ต ส่วนใหญ่ไม่ได้วางจุดหมายท่องเที่ยวแค่ในจังหวัดเดียว แต่ยังมองหาแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียง แต่บางครั้งก็ไปไม่ได้ เพราะไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ทำให้เสียโอกาส ดังนั้น หากมีการส่งเสริมและลงมือพัฒนาได้เร็ว จะเป็นโอกาสในการนำรายได้เข้าประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 จึงควรใช้เวลาในช่วงของการรอคอยนี้สร้างโอกาสและเตรียมความพร้อม

“การสร้างผลลัพธ์ใหม่ต้องใช้วิธีการและกลยุทธ์ใหม่ๆ นั่นคือ จะต้องมี New Paradigm หรือกรอบความคิดใหม่ Paradigm มีความหมายเปรียบเทียบได้ง่ายๆ เท่ากับแผนที่ เป็นสิ่งที่จะบอกเราได้ว่ากำลังจะเดินไปทางไหน ชัดและง่ายเปรียบคือเป็นเป้าหมาย เป็นแผนพัฒนา แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ก่อนที่จะรู้ว่าเราจะไปไหน ต้องรู้ว่าปัจจุบันเรายืนอยู่ตรงจุดไหนก่อน ซึ่งปัจจุบันโรงแรมชื่อดังในไทยสามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่น่าเสียดายที่มีเจ้าของเป็นนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กลับไป ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องเดินเกมรุก จึงอยากเสนอให้ผู้ที่มีความรู้และคนที่มีความพร้อมมาร่วมมือกันทำให้เกิดขึ้นจริง โดยยึดหลักคิดผลประโยชน์ร่วมกัน หรือ Think win win”






กำลังโหลดความคิดเห็น