”เมียนมาร์ ยูพีเอ” บ.ย่อยของ UPA จดปากกาเซ็นเอ็มโอยูกับบริษัท จูร่งเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด Jurong Engineering Limited (JEL) จากสิงคโปร์ เตรียมลุยงานออกแบบก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (Combined Cycle Power Plant) ขนาดกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ในพม่า ฟากผู้บริหาร “พรอินทร์ แม้นมาลัย” มั่นใจช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน
นายพรอินทร์ แม้นมาลัย กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคนิค บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 บริษัท เมียนมาร์ ยูพีเอ จำกัด (Myanmar UPA Co.,Ltd.) (MUPA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท จูร่งเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (Jurong Engineering Limited) (JEL) ผู้รับเหมาออกแบบก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จากสิงคโปร์ และมีประสบการณ์การออกแบบก่อสร้างในพม่าแล้ว เข้าร่วมงานในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมกังหันก๊าซขนาดกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ตามสัญญา PPA กับ Electric PowerGeneration Enterprise (EPGE) ภายใต้กระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในระยะเวลาขายไฟฟ้าสัญญา 30 ปี
“การเซ็นเอ็มโอยูกับ JEL ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนตามแผนการดำเนินงานของบริษัท และเป็นโครงการเดิมตามแผนงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขณะนี้บริษัทมีความพร้อม และบริษัทผู้สนใจร่วมสนับสนุพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลพม่า ที่ส่งเสริมการขยายการลงทุนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชน” นายพรอินทร์ กล่าวมั่นใจว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในพม่า จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น
กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคนิค UPA กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการลงทุน และการพัฒนาโครงการทุกรูปแบบ โดยธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในระยะยาว เป็นช่องทางเพิ่มแหล่งรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด โครงการโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศเวียดนาม มีขนาดกำลังผลิต 46.7 เมกะวัตต์ มีการทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีที่แล้ว เพิ่มเติมกว่า 400% จากกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่เดิม
รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโครงการ One Central Tower Company Limited ในประเทศกัมพูชา จะพัฒนาเป็นโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ จะช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทในการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV อีกด้วย
อนึ่ง ปัจจุบัน UPA มีรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจพลังงาน สาธารณูปโภค และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
