หุ้นปิดร่วง 14.29 จุด เจอแรงขายทำกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้า และมีหุ้น DELTA กดดัน สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ ทิศทางตลาดขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียเป็นหลัก แต่ตลาดมีโอกาสรีบาวนด์ได้ ขึ้นอยู่กับแรงขายของ DELTA จะน้อยลงหรือไม่ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะน้อยลง
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนจากแรงขายทำกำไรของหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลังขึ้นไปมากแล้ว และยังเจอแรงขายหุ้น DELTA ด้วยหลังจากที่ใช้เกณฑ์ Cash Balance ทั้งที่ตลาดโดยรวมตอบรับเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศในระดับที่น้อย แต่การปรับตัวลงของหุ้น DELTA ก็มีผลต่อดัชนีฯราว 9 จุดแล้ว และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงแรงพร้อมกันในหลายหุ้นก็มีผลต่อดัชนีฯ ราว 4-5 จุด
ทั้งนี้ จากแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นก็มีการสลับเวียนเข้ามาเล่นหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นในกลุ่มน้ำมันได้อานิสงส์จากผลประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่ทางซาอุดีอาระเบียได้ลดกำลังการผลิต
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะติดลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่เคลื่อนไหวในแดนลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ ท่ามกลางการรอผลการเลือกตั้งวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ในวันนี้ด้วย ส่วนบ้านเราให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ เพราะยังเป็นปัจจัยที่รบกวนตลาดอยู่
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,492.36 จุด ลดลง 14.29 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.95% มูลค่าการซื้อขาย 142,327.03 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) นายมงคล กล่าวว่า ทิศทางตลาดขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียเป็นหลัก แต่ตลาดมีโอกาสรีบาวนด์ได้ ขึ้นอยู่กับแรงขายของ DELTA จะน้อยลงหรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะน้อยลง พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,480-1,500 จุด