ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ธ.ค.2563
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ รวมทั้งความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากราคาหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังสื่อรายงานว่า แอปเปิลมีแผนที่จะผลิต iPhone เพิ่มขึ้นเกือบ 30%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,199.31 จุด เพิ่มขึ้น 337.76 จุด หรือ +1.13% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,595.06 จุด เพิ่มขึ้น 155.02 จุด หรือ +1.25% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,694.62 จุด เพิ่มขึ้น 47.13 จุด หรือ +1.29%
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวการเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในสหรัฐฯ แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์อีกครั้งในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.25% ปิดที่ 392.84 จุด
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,530.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด หรือ +0.04% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,362.87 จุด เพิ่มขึ้น 139.71 จุด หรือ +1.06% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,513.32 จุด ลดลง 18.51 จุด หรือ -0.28%
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในกรุงลอนดอนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานของอังกฤษที่อ่อนแอลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,513.32 จุด ลดลง 18.51 จุด หรือ -0.28%
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือนเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่า เศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 47.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 50.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ปีนี้
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 23.2 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 1,855.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 59.7 เซนต์ หรือ 2.48% ปิดที่ 24.644 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ม.ค. พุ่งขึ้น 23.7 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 1,039.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 2,324 ดอลลาร์/ออนซ์
-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินอื่นๆ ที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ยูโร หลังมีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ 90.4750 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.69 เยน จากระดับ 104.06 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8854 ฟรังก์ จากระดับ 0.8869 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2696 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2759 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2157 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2146 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3429 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3323 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7556 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7543 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 30,199.31 จุด เพิ่มขึ้น 337.76 จุด, +1.13%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,694.62 จุด เพิ่มขึ้น 47.13 จุด, +1.29%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 12,595.06 จุด เพิ่มขึ้น 155.02 จุด, +1.25%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,362.87 จุด เพิ่มขึ้น 139.71 จุด, +1.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,513.32 จุด ลดลง 18.51 จุด, -0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,530.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, +0.04%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 46,263.17 จุด เพิ่มขึ้น 9.71 จุด, +0.02%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,856.72 จุด ลดลง 1.42 จุด, -0.05%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1674.02 จุด เพิ่มขึ้น 11.28 จุด, +0.68
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,010.13 จุด ลดลง 2.39 จุด, -0.04%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,207.29 จุด ลดลง 182.23 จุด, -0.69%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,367.23 จุด ลดลง 1.89 จุด, -0.06%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,756.82 จุด ลดลง 5.38 จุด, -0.19%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,631.30 จุด ลดลง 28.90 จุด, -0.43%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,866.70 จุด ลดลง 33.60 จุด, -0.49%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 26,687.84 จุด ลดลง 44.60 จุด, -0.17%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 14,068.52 จุด ลดลง 142.53 จุด, -1.00%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,227.73 จุด ลดลง 53.62 จุด, -0.74%