xs
xsm
sm
md
lg

เดลต้าฯ พุ่งแรงไม่หยุด ผู้บริหารรับกังวล แต่ยันไม่ทราบสาเหตุ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA
ผู้บริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ กังวลราคาหุ้นพุ่งแรง ยันไม่ทราบสาเหตุ ระบุผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนไล่ซื้อหุ้น ย้ำยังไม่ได้พิจารณาแผนแตกพาร์ พร้อมเตรียมสรุปแผนธุรกิจปี 64 ธ.ค.นี้ ขณะที่ล่าสุดราคาหุ้นขึ้นเกือบ 100% ในรอบเกือบเดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกือบ 1 เดือน หากนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ที่ราคาปิด 173.50 บาท จนถึงราคาปิดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ระดับ 343 บาทนั้น ราคาหุ้นพุ่งไปแล้ว 98.26% หรือเกือบเท่าตัว หรือบวกไปกว่า 47% ในช่วง 5 วันทำการ (2-9 ธ.ค.) จากระดับราคาที่ 232 บาท มาอยู่ที่ 343 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 9 ธ.ค.)

ผู้บริหารรับกังวลราคาหุ้นร้อนแรง ยันไม่ทราบสาเหตุ

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงนั้น ยอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกเป็นกังวลที่หุ้นปรับตัวร้อนแรงถึงขนาดนี้ ซึ่งในฐานะกรรมการบริษัทก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเลยว่าเกิดขึ้นมาจากเหตุผลอะไร เพราะในส่วนของธุรกิจก็ยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้พื้นฐานธุรกิจถือว่าค่อนข้างดีทั้งในส่วนของธุรกิจผลิตสินค้าเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล (Data center) ระบบสื่อสาร และรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

"ยอมรับว่าในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่งก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน เพราะราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงและรวดเร็ว ซึ่งผมก็ไม่ได้ตัดขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาแต่อย่างใด โดยมองว่าแม้ราคาหุ้นครั้งนี้จะปรับตัวขึ้นรุนแรงมาก แต่เวลาหุ้นตกก็คงจะไม่แรงมากนัก เพราะแนวโน้มของธุรกิจที่ยังสดใส เนื่องจากเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา" นายอนุสรณ์ กล่าว

ย้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ไต้หวันไม่มีแผนไล่ซื้อหุ้นทำเพิกถอนกิจการ

นายอนุสรณ์ ยืนยันว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จากไต้หวันไม่ได้มีแผนไล่ซื้อหุ้นเพื่อเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่เคยระบุหรือเสนอเรื่องนี้เข้ามาที่บอร์ด เนื่องจากการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในครั้งก่อน เพราะเขาต้องการอำนาจในการบริหารไม่ให้ชนกับนโยบายของบริษัทเท่านั้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้นรวม 51% ซึ่งเหมาะสมแล้ว

ส่วนการแตกมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) คณะกรรมการบริษัทยังไม่มีการพิจารณากันในเรื่องนี้ ซึ่งเท่าที่ได้ยินมาเป็นเพียงแค่กระแสข่าวลือ เพราะการแตกหรือไม่แตกพาร์ก็มีผลต่อราคาหุ้นเท่านั้น

สำหรับทิศทางการดำเนินงานปี 64 คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค.นี้ และนำเข้าพิจารณาในบอร์ดได้ในช่วงเดือน ก.พ.ปีหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น