โบรกเกอร์ประเมินน้ำท่วมใต้ ทำราคายางกลับมาบวกแรงอีกครั้ง หนุน NER รับปัจจัยบวกเต็มๆ เหตุแหล่งวัตถุดิบอยู่ภาคอีสาน แต่ส่งผลลบต่อ STA ฉุดกรีดยางสะดุด
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปีขณะนี้ ส่งผลให้อุปทานยางแผ่นรมควันลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้ยางแผ่นรมควันในอุตสาหกรรมการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นตามตลาดล่วงหน้า ประกอบการระบาดของโควิด-19 ที่กลับมาอีกครั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ราคายางปรับตัวขึ้น โดยล่าสุด ราคายางพาราจากการยางแห่งประเทศไทย ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องราคายางแผ่นรมควัน +3% จากเมื่อวานมาอยู่ที่ 76 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) และราคายางแท่ง +4% จากเมื่อวาน อยู่ที่ราคา 50 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
มองน้ำท่วม NER ได้ประโยชน์ แต่ STA เสียประโยชน์
โดย บล.เคทีบี มีมุมองเป็นบวกต่อ NER โดย NER จะได้รับประโยชน์ เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโรงงานอยู่ภาคอีสานและจัดหาวัตถุดิบจากภาคอีสานแทบทั้งหมด และจะได้ผลดีจากราคายางที่ปรับตัวขึ้นและอุปทานที่ลดลง
อย่างไรก็ดี เคทีบี มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อ STA โดยบริษัทมีการจัดหาวัตถุดิบจากอีสาน 33% ใต้ 51% อินโดฯ พม่า 16% คาดว่าจะกระทบชั่วคราวต่อการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าบ้างบางส่วน แต่คาดว่าบริษัทจะบริหารผลกระทบตรงนี้ได้เนื่องจากมี stock อยู่ 3-4 เดือน ผลกระทบน้ำท่วมคาดว่าเป็นการชั่วคราวเพราะต้นยางไม้ได้หักโค่นลงไป เพียงมีความยากลำบากเพิ่มขึ้นในการกรีดเพียงระยะสั้น
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิของ STA ในปี 63 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนในปีก่อน -149 ล้านบาท และคงกำไรสุทธิปี 64E อยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท (+5% YoY) ขณะที่ NER เราประเมินกำไรปี 63 อยู่ที่ 853 ล้านบาท (+58% YoY) และกำไรปี 64 ที่ 1.08 พันล้านบาท (+15% YoY)
คงแนะนำซื้อ ให้เป้าหมาย STA ที่ 41 บาท-NER 5 บาท
คงแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มผู้ประกอบการยางธรรมชาติ ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” STA ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท อิง 63 PER ที่ 14x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และคงคำแนะนำ “ซื้อ” NER ราคาเป้าหมายที่ 5.0 บาท อิง 63 PER ที่ 9x (+1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลังจากเข้าตลาด)