ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ติดโผเข้าคำนวณดัชนี "MSCI Global Small Cap" รอบวันที่ 30 พ.ย.นี้ พร้อมได้รับคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI ประจำปี 2563 ผู้บริหารเผยการได้รับคัดเลือก สะท้อนถึงความมุ่งมั่นการพัฒนาธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน มั่นใจโค้งสุดท้ายปีนี้ผลงานโตต่อเนื่อง
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า การที่ MorganStanley Capital International (MSCI) ได้ประกาศผลการทบทวนดัชนีรายไตรมาส มีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563โดยในส่วน MSCI Global Small Cap มีหลักทรัพย์ที่เข้าคำนวณรอบใหม่จำนวน 9 หลักทรัพย์ ซึ่ง TFG เป็น 1 ในหุ้นที่ได้เข้าคำนวณในครั้งนี้ ดังนั้น น่าจะทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand SustainabilityInvestment (THSI) ประจำปี 2563 และ TFG เป็น 1 ในหุ้นที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน 124 บริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องของกำไรเพียงอย่างเดียว โดยให้ความสำคัญกับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (ESG) ในกระบวนการดำเนินงานมากขึ้น
สำหรับรายชื่อหุ้นยั่งยืน 124 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET 114 บริษัท และ mai 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมากที่สุด 21 บริษัท กลุ่มบริการ 20 บริษัท กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร 17 บริษัท และ 16 บริษัทตามลำดับ
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทที่ได้รับคัดเลือกมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 9.63 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 หรือคิดเป็น 67% เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมดของ SET และ mai ซึ่งเท่ากับ 14.39 ล้านล้านบาท
"การที่บริษัทได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI และอยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตของบริษัท ซึ่งจะมีการเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง" นายวินัย กล่าว
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจนั้น ในช่วงไตรมาส 4/2563 ประเมินว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากการที่ปริมาณสุกรในจีน และเวียดนามลดลง จากโรคระบาดอหิวาต์สุกร (ASF) ทำให้ราคาขายสุกรยืนได้ในระดับสูงรวมทั้งมีการหันมาบริโภคไก่มากขึ้น ประเมินว่าสถานการณ์แบบนี้น่าจะยังคงมีให้เห็นไปอีก 1-2 ปี ดังนั้น ก็น่าจะทำให้ปริมาณการส่งออกเนื้อสัตว์เติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยุโรปและจีนยังมีทิศทางทีดีเช่นกัน
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,312 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 23,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 21,647 ล้านบาท
ส่วนงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 589 ล้าบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่เท่ากับ 7,534 ล้านบาท