JCK ประเมินภาพรวมผลประกอบการจะเริ่มพลิกเป็นบวกตั้งแต่งวดไตรมาส 4 ของปีนี้ เหตุรับรู้รายได้จากการขายคอนโด Artisan และที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 และอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินในทีเอฟดีเฟส 2 เหลืออีก 500 ไร่ หากขายได้หมด เตรียมพัฒนาทีเอฟดีเฟสถัดไป
นายกฤตวัฒน์ เตชะอุบล กรรมการรองกรรมการผู้จัดการบริษัท เจซีเคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ได้พิจารณาอนุมัติงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2563 พบว่า มีผลการดำเนินงานขาดทุน 27.53 ล้านบาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562 มีผลขาดทุน 128.42 ล้านบาท กล่าวคือในไตรมาส 3 ปีนี้มีผลขาดทุนลดลงกว่าปีที่แล้วถึง 100.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 78.56
นายกฤตวัฒน์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไตรมาส 4 ปี 2563 และปี 2564 บริษัทได้ประมาณการไว้ว่า บริษัทจะเริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2564 บริษัทจะมีผลกำไรค่อนข้างมากเนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการ Artisan การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 และจากการขายโรงงานและคลังสินค้าโดยเฉพาะจากการขายคลังสินค้ามูลค่า 1,448 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ทั้งจำนวนในปี 2564
“นอกเหนือรายได้จากโครงการ Artisan จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการขายคลังสินค้าแล้ว เรายังมีรายได้ประจำจากค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่าโรงงานและจากการให้บริการสาธารณูปโภคอีก ซึ่งรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภคจะเป็นรายได้ที่สำคัญของบริษัทในอนาคต”
นายกฤตวัฒน์ ได้กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนในการขายที่ดินในนิคมทีเอฟดี 2 ทั้งโครงการที่ยังคงมีพื้นที่ขายเหลืออยู่ 5 ร้อยกว่าไร่ ซึ่งหากปิดการขายได้ในปีหน้าจะต้องเร่งขยายเฟสต่อไปอย่างเร่งด่วน สำหรับส่วนขยายจะมีพื้นที่อุตสาหกรรมประมาณ 1,200 ไร่ และมีพื้นที่สำหรับพาณิชยกรรมและส่วนที่อยู่อาศัยประมาณ 400 ไร่ เพื่อรองรับกับประชากรที่จะเข้ามาทำงานในเขตอุตสาหกรรม
“ตอนนี้เริ่มออกแบบนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีส่วนขยายแล้ว หากการเตรียมการแล้วเสร็จก็จะได้ยื่นขออีไอเอสำหรับพื้นที่ส่วนขยายต่อไป” นายกฤตวัฒน์ กล่าว