ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ 1.92 บาท/หุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นIPO ของ RT กล่าวว่า ราคาเสนอขายหุ้นIPO ที่หุ้นละ 1.92 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 9.20 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่1 ก.ค.62 ถึงวันที่30 มิ.ย.63 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ229.47 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ1,100 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ0.21
บาท ถือเป็นระดับราคาที่มีความน่าสนใจลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ทั้งโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และมีความพร้อมในการขยายธุรกิจรองรับการเติบโตในอนาคต
อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่างๆ เชื่อว่าการเปิดจองหุ้น IPO จะได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดี
ทั้งนี้RT เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ด้วยประสบการณ์มากถึง20 ปี ส่งผลให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการทำงานอย่างมาก โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น5
ประเภท คือ1) งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน2) งานก่อสร้างเขื่อน3) งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ4) งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ และ5) งานก่อสร้างด้านอื่น ๆ เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด
งานขุดดินและหินทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานถนนและสะพาน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ เป็นต้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ RT กล่าวว่า RT เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญ จึงคาดว่า RT จะมีโอกาสรับงานและสามารถสร้างการเติบโตได้ภายหลังระดมทุนIPO
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของAPM กล่าวว่าRT มีความชำนาญและมีประสบการณ์อันยาวนานกว่า 20 ปี ในงานรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิค โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน งานเขื่อน
งานโรงไฟฟ้าพลังน้ำ งานท่อลอดใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและดึงท่อแนวนอน โดยรับเหมาก่อสร้างให้กับภาครัฐ เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวง การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อาทิ โครงการอุโมงค์รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา โครงการอาคารประกอบอุโมงค์ส่งน้ำ-แม่แตง จ.เชียงใหม่ โครงการบ่อพักและท่อร้อยสายร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง กรุงเทพมหานคร โครงการงานขยายถนนจาก2 เลนเป็น 4 เลน หนองหาน-พังโคน จ.สกลนคร โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย งานก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำและงานปรับปรุงฐานรากเขื่อนDuantri ประเทศกัมพูชา
รวมถึงยังมีงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด งานขุดดินและหินทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานถนนและสะพาน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ เป็นต้น
ทั้งนี้ RT มีความพร้อมในการรับงานและการขยายธุรกิจในอนาคต สามารถเป็นได้ทั้งผู้รับเหมาโดยตรง และผู้รับเหมาช่วง ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน รวมไปถึงผู้ว่าจ้างจากต่างประเทศให้ดำเนินงานในโครงการต่างๆ
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ RT เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเนื่องจากบริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่ปัจจุบันมีความสำคัญในการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และยังมีการกระจายความเสี่ยงไปยังการรับงานในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งในประเทศกัมพูชา ประเทศอินเดีย สปป.ลาว และเมียนมา ที่เข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของบริษัทอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ความสามารถการทำกำไรของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีอัตรากำไรขั้นต้น 17-20% และมีอัตรากำไรสุทธิราว9% และอนาคตมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากการเน้นการบริหารจัดการต้นทุน และได้เงินจากการระดมทุน IPO ช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงเหลือ2.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.3 เท่า และมีโอกาสที่จะรับงานได้เพิ่มและมีขนาดใหญ่มากขึ้น จากปัจจุบันสามารถรับงานได้ไม่เกิน3,000 ล้านบาท/งาน
"เราอยากให้นักลงทุนฝากให้เป็นหุ้นปันผลที่นักลงทุนถือเพื่อลงทุนในระยะยาว เพราะเรามีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเรายังมีนโยบายการปันผลไม่ต่ำกว่า40% ของกำไรสุทธิด้วย"นายชวลิตกล่าว