ดีเฮ้าส์พัฒนา เคาะราคา IPO ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดขาย 16-20 ต.ค.63

DHOUSE เคาะราคา IPO ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดขาย 16-20 ต.ค.63 โดยวัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด การชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา (DHOUSE) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 217.20 ล้านหุ้น ที่ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 130.32 ล้านบาท และมีระยะเวลาจองซื้อในวันที่ 16, 19-20 ต.ค.2563 โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขายคิดเป็นร้อยละ 25.86 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ไม่มีการเสนอขายให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อย เนื่องจากจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอต่อการเสนอขายต่อประชาชนในวงกว้าง

มูลค่าตามราคาบัญชี (book value) 0.58 บาท/หุ้น กรณีคำนวณจากมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งเท่ากับ 361.85 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้เท่ากับ 622.80 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ที่ราคา 0.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 19.87 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.62 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.63 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 25.35 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 840.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.03 บาทต่อหุ้น

วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด ในโครงการพฤกภิรมย์ โครงการ U Park และโครงการแกรนด์ บิซ 2 จำนวน 60 ล้านบาท ใช้เงินในปี 2563-2564 และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 20 ล้านบาท ในปี 2563 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 35.41 ล้านบาท ในปี 2563-2564 รวมเป็นเงิน 115.41 ล้านบาท

DHOUSE ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขายหลากหลายรูปแบบประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ ในปัจจุบันมีโครงการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามเป็นหลัก และมีเป้าหมายที่จะขยายเข้าสู่พื้นที่จังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป