ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ ชูแบรนด์ PLAYBOY หัวหอกขยายตลาดถุงยางอนามัยในต่างประเทศ โชว์ความคืบหน้าตลาดในสหรัฐฯ รุกวางจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีกวอลล์มาร์ทครบทุกสาขาทั่วประเทศแล้วกว่า 4,000 แห่ง และมีคำสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่ในไตรมาส 4 พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศเวเนซุเอลาและมองโกเลีย ส่วนในไทยขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านขายยาในต่างจังหวัด
นายวรัญญู ดารารัตนโรจน์ รองผู้จัดการทั่วไป แผนกพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR กล่าวว่า คาดการณ์แบรนด์ PLAYBOY จะสร้างยอดขายในปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่มียอดขายกว่า 280 ล้านบาท ถือว่ายังมียอดขายที่น่าพอใจท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว เนื่องจากจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อการรุกขยายตลาดตามแผนงานที่วางไว้
ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการขยายตลาดในสหรัฐฯ สามารถแบ่งเป็น 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางห้างค้าปลีกและร้านค้า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัย PLAYBOY จำหน่ายในห้างวอลล์มาร์ทแล้วรวมมากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ และยังได้รับสิทธิเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าเป็น 9 รุ่น จากเดิม 4 รุ่น นอกจากนี้ เพิ่งได้รับคำสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่จากตัวแทนจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ และในขณะเดียวกัน ได้รุกขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมภายในร้านขายยาภายใต้แบรนด์ CVS ที่มีสาขาส่วนใหญ่อยู่ในย่านใจกลางเมืองอีกด้วย
ขณะที่ช่องทางออนไลน์ในสหรัฐฯ นั้น ปัจจุบันได้รุกเปิดร้านออนไลน์ในรูปแบบ Shop in Shop ภายในเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซชั้นนำของโลก www.amazon.com ได้เพิ่มทางเลือกแก่ลูกค้าโดยนำเสนอสินค้ารุ่นบรรจุกล่องละ 12 ชิ้น และปัจจุบันได้รับคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมรวมมูลค่าประมาณกว่า 20 ล้านบาท โดยเตรียมส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปยังสหรัฐฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้
นอกจากนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเวเนซุเอลา และมองโกเลีย รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในทวีปยุโรปอีก 5-6 ประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์ก โรมาเนีย เป็นต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ PLAYBOY มีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30 ประเทศ
ส่วนความคืบหน้าการขยายช่องทางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ล่าสุดได้ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านขายยาในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายในภูมิภาคต่างๆ โดยในปีนี้สามารถนำสินค้าวางจำหน่ายในร้านขายยาแบบดั้งเดิมและเชนร้านยาได้แล้วทั้งสิ้นกว่า 1,400 สาขา และยังมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันยอดขายสินค้าเป็นไปตามเป้าหมาย