"อินฟราเซท" คว้างานใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 1.16 พันล้านบาท ในโครงการงานติดตั้งวงจรกรองสัญญาณย่านความถี่ 850 MHz ตามประกาศ กสทช. เรื่องแผนความถี่วิทยุกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (IMT) ย่านความถี่ 824-839/869-884 MHz และเรื่องแผนความถี่วิทยุกิจการเคลื่อนที่ ย่านความถี่ 885-895/930-940 MHz จากบริษัทเอกชน 2 ราย ผู้บริหารเผยหนุนงานในมือรอรับรู้รายได้ทะลุ 3.34 พันล้านบาท มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตเด่น
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินฟราเซท หรือ INSET เปิดเผยว่า บริษัทฯ ชนะงานประมูลขนาดใหญ่มูลค่ารวม 1.16 พันล้านบาท ในโครงการงานติดตั้งวงจรกรองสัญญาณย่านความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ตามประกาศ กสทช. เรื่องแผนความถี่วิทยุกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunication-IMT) ย่านความถี่ 824 839/869-884 เมกะเฮิรตซ์ และเรื่องแผนความถี่วิทยุกิจการเคลื่อนที่ ย่านความถี่ 885-895/930-940 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีคู่สัญญาหรือผู้ว่าจ้างเป็นเอกชน 2 ราย ประกอบด้วย บริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN มูลค่างาน 558.42 ล้านบาท และบริษัทเทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (TKC) มูลค่างาน 606 ล้านบาท โดยมีลักษณะเป็นงานตรวจวัดสัญญาณโครงข่ายก่อนและหลังติดตั้ง งานจัดหาและติดตั้งวงจรกรองโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ย่านความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ และปรับแต่งโครงข่าย และมีระยะเวลาของสัญญาในการดำเนินการรวม 420 วัน รับประกัน 5 ปี
"การรับงานในโครงการขนาดใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์จนได้รับความไว้วางใจ ซึ่งจะสนับสนุนให้มีโอกาสได้รับงานใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานโครงการฯ ดังกล่าวช่วยเพิ่มมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) ในปัจจุบันทะลุ 3.34 พันล้านบาท ซี่งจะเป็นปัจจัยทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน"
กรรมการผู้จัดการกล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากงานที่ได้รับมาในครึ่งปีแรกจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งมีงานบางส่วนที่เลื่อนรับมอบงานในไตรมาส 2/2563 เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานในมือ ขณะที่ปัจจุบันสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการที่บริษัทฯ ยังมองโอกาสเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงาน Data Center และงานประเภทการขยายโครงข่าย 5G ผู้ประกอบการโทรคมนาคม ซึ่งคาดว่าจะเห็นการลงทุนในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทฯ จะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมประมาณ 60%, ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 30% และธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ ซึ่งเป็นรายได้ประจำ (Recurring income) 10%