"รมว.คลัง" ชี้ผลโควิด-19 กระทบการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบฯ 63 ให้ต่ำกว่าเป้าที่เคยตั้งไว้ เตรียมกู้ชดเชยเพื่อปิดการขาดดุลเพิ่ม ทั้งยังได้สั่ง 3 กรมภาษีเตรียมแผนบริหารจัดการการจัดเก็บรายได้ในระยะต่อไปด้วย แต่ยืนยันยังไม่ปรับเป้าตัวเลขผลจัดเก็บภาษีในปีงบฯ 64
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการประชุมหารือร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.63 ว่า จากผลกระทบของโควิด-19 นั้น ได้ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บภาษีทำได้น้อยกว่าประมาณการ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขาดดุลที่มากขึ้น และอาจจำเป็นที่กระทรวงการคลังต้องกู้เงินมาบริหารจัดการนั้น โดยล่าสุดได้หารือกับหน่วยงานจัดเก็บรายได้ถึงแผนการบริหารการจัดเก็บรายได้ ทั้งยังได้มอบโจทย์ให้หน่วยงานดังกล่าวเตรียมแผนบริหารการจัดเก็บรายได้ในระยะต่อไปด้วย
สำหรับแนวทางในการบริหารจัดการการจัดเก็บรายได้นั้น คาดว่ากระทรวงการคลังจะมีมาตรการเรื่องดังกล่าวออกมาในอนาคต เพื่อทำให้การจัดเก็บรายได้ดีที่สุดในภาวการณ์เช่นนี้ นอกจากนี้ หากในปีงบประมาณ 63 มีการขาดดุลเพิ่มขึ้นจริง เนื่องจากรายได้ขาดหายไปแล้วก็ต้องมีบริหารจัดการ ส่วนการดูแลจะเป็นอย่างไรนั้น ถือเป็นสิ่งที่หน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันพิจารณา
อย่างไรก็ตาม นายอุตตม ยังกล่าวถึงงบการเงินในปี 63 ว่า น่าจะยังเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังได้วางไว้ แต่หากจะมีการปรับเปลี่ยนก็ต้องเข้าไปดู แต่ผลกระทบจากการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐที่ต่ำกว่าเป้า เนื่องจากโควิด-19 จะมีอยู่แล้ว และหากมีการขาดดุลเพิ่มขึ้น ก็จะเข้าไปดูว่าจะต้องมีการพิจารณาบริหารจัดการการกู้เพิ่มอย่างไร
ทั้งนี้ การจะกู้เงินต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะมีคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะและต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาด้วย แต่ในเวลานี้กระทรวงการคลังยังจะต้องเข้าไปดูตัวเลขก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ ส่วนการจัดเก็บรายได้งบประมาณปีงบประมาณ 64 นั้น ยังไม่ได้มีการปรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้