กลุ่ม "เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น" มั่นใจสายธุรกิจเอทานอลครึ่งปีหลังสดใส ด้วยปัจจัยหนุนจากการคลายล็อคดาวน์ อีกทั้งราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ย้ำจุดแข็งเอทานอลของ "เคทิส ไบโอเอทานอล" มีคุณภาพสูง ผ่านกระบวนการแยกสิ่งเจือปนด้วยหอกลั่นถึง 7 หอ สามารถนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านพลังงานและการสาธารณสุข
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้คลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ก็ทำให้ความต้องการใช้เอทานอลเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 นี้สายธุรกิจเอทานอลของกลุ่มเคทิส ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล จำกัด (KTBE) จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โรงงาน KTBE ได้ออกแบบหอกลั่นพิเศษ ซึ่งมีเพียงไม่กี่โรงงานในประเทศไทย ทำให้แอลกอฮอล์ที่ผ่านกระบวนการแยกสิ่งเจือปนด้วย 7 หอกลั่นมีความบริสุทธิ์สูง สามารถนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ทั้งในธุรกิจพลังงาน และการสาธารณสุข
“กลุ่ม KTIS เป็นผู้ผลิตแอลกอฮอล์กลุ่มแรกที่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งขณะนั้นประสบปัญหาขาดแคลนแอลกอฮอล์ รวมถึงแอลกอฮอล์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมีราคาสูง เราจึงได้ประกาศขายแอลกอฮอล์ 95% ในราคาหน้าโรงงานเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือหรือเจลล้างมือด้วยต้นทุนที่ต่ำ จากนั้นก็ได้ผลิตแอลกอฮอล์ 70% ขายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้แอลกอฮอล์ราคาถูกอย่างทั่วถึง” นายประพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายลง แต่ความต้องการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดก็ยังคงมีอยู่สูงเพื่อรองรับการเปิดพื้นที่ต่างๆ และพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนไป โดยใส่ใจดูแลความสะอาดมือ และพื้นผิวต่างๆ มากขึ้นกว่าในอดีตมาก จนกลายเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า New Normal ไปแล้ว
นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเอทานอลที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เป็นบริษัทปิโตรเลียมรายใหญ่ของประเทศเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ ซึ่งกลุ่มเคทิสมีจุดแข็งอยู่ที่การส่งมอบสินค้าได้ครบถ้วนตามเวลาที่กำหนด ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาในระดับที่ปกติแล้ว หลังจากการปลดล็อกของภาครัฐ
“กลุ่มเคทิสเราบริหารวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้โมลาสส่วนใหญ่จากโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยที่มีกำลังการผลิตต่อวันสูงที่สุดในโลก จึงมีโมลาสเพียงพอที่จะป้อนเข้าสู่โรงงานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และข้อดีของแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากโมลาสยังมีข้อดีอีกประการหนึ่งคือ มีกลิ่นหอม จึงเหมาะที่จะนำไปทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าว
อนึ่ง ในรอบ 6 เดือนแรกของรอบบัญชีปี 2563 (กันยายน 2562-มีนาคม 2563) สายธุรกิจเอทานอลมีรายได้ประมาณ 728 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 9.6% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่ม KTIS ในงวดดังกล่าว