สิงห์ เอสเตท เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจคอมเมอร์เชียล ชูกลยุทธ์ Five Agile Developments บริหารอาคารสร้างภูมิคุ้มกันธุรกิจรับมือผลกระทบจากโควิด-19 เล็งรีโนเวตอาคารเมโทรโพลิศ รองรับ Next Normal of Commercial
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวว่า ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้สร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยปัจจุบันผ่านมาแล้ว 5 เดือน ทุกธุรกิจยังต้องคอยปรับตัวอยู่ตลอด และที่สำคัญต้องมีการวางแผนในระยะยาวเพื่อรับมือกับพฤติกรรม และการใช้ชีวิตในอนาคตที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสิงห์ เอสเตท มองไปถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานคู่ขนาน ร่วมกับการพัฒนาแผนงานเพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท เห็นโอกาสในธุรกิจคอมเมอร์เชียล จากผลกระทบโควิด-19 ได้วางกลยุทธ์ The Next Normal of Commercial เตรียมความพร้อมธุรกิจรอบด้าน เพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์ Five Agile Developments เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของธุรกิจ ประกอบด้วย 1.Agile Tool Development คือ การพัฒนาเครื่องมือ และระบบของอาคาร เช่น ระบบดูแลด้านสุขอนามัยของอาคารแบบครบวงจร การเพิ่มระบบต่างๆ เพื่อรองรับการใช้ชีวิต และการทำงานให้สะดวกขึ้น (Cloud system management, E-Tax/Revenue, Intelligent parking, Delivery platform and Cashless society) เพื่อให้สอดรับต่อสังคม Social distancing
2.Agile Target Development คือ การปรับ ขยายตลาดเป้าหมาย รวมถึงเครื่องมือใหม่ๆ ในการรองรับลูกค้าทั้งรายใหญ่ และรายย่อย โดยนอกจากบริการดูแลสุขอนามัยแบบครบวงจรแล้ว ยังเพิ่มทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น การสร้างพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น สำหรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย การให้บริการ Flexibility space, Ready to move in office, Co separate working space รวมไปถึง Island pod หรือพื้นที่ทำงานย่อยส่วนบุคคล
3.Agile Business Development คือ การพัฒนา มองหาการเพิ่มบริการ และช่องทางธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงการต่อยอดจากทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว โดยเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก
4.Agile Process Development คือ ยกระดับการดำเนินงานด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดระยะเวลา นำนวัตกรรมและโปรแกรมต่างๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ ให้มีการอัปเดตเทรนด์ และความรู้อยู่ตลอดเวลา
และ 5.Agile Unite Development คือ การมองในภาพรวม การสร้างสังคมของการอยู่ร่วมกัน พัฒนาเครื่องมือในการสนับสนุน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งเจ้าของอาคารและผู้เช่า หรือระหว่างผู้เช่าด้วยกัน เช่น Virtual market platform รวมถึงยังเพื่อสร้างสังคมที่ดีจากภายใน ไปถึงสังคมรอบข้าง นำไปสู่สังคมคุณภาพ และยั่งยืน
ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท มีอาคารสำนักงานทั้งสิ้น 4 อาคารได้แก่ อาคารซันทาวเวอร์ส, อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์, เดอะ ไลท์เฮ้าส์ และอาคารเมโทรโพลิศ พื้นที่รวม 140,000 ตารางเมตร มีอัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยราว 87% โดยอีกหนึ่งก้าวสำคัญของธุรกิจอาคารสำนักงานของสิงห์ เอสเตท คือ ก้าวไปสู่การเป็นพื้นที่มีสุขลักษณะอนามัยที่ดีและมีความยืดหยุ่น หรือ Hygienic & Flexibility ที่มีนวัตกรรมรองรับอย่างครบวงจร เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเติบโตอย่างยั่งยืน
นายนริศ กล่าวต่อว่า ธุรกิจอาคารสำนักงานของสิงห์ เอสเตท ยังดำเนินงานได้ตามแผน มีผลกระทบบ้างเล็กน้อยในส่วนของพื้นที่รีเทล ที่มีคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการ ซึ่งทางบริษัทได้มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยที่อาคารซันทาวเวอร์ส ลูกค้าส่วนมากเป็นรายใหญ่ อยู่กันมานาน และอยู่ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่มาก จึงทำให้โครงการได้รับผลกระทบน้อย ส่วนอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ ก็เช่นเดียวกัน ลูกค้ารายใหญ่ได้รับผลกระทบน้อย และยังสามารถเพิ่มลูกค้าได้ด้วยในส่วนพื้นที่ที่ยังว่างอยู่ จะมีผลกระทบก็คือลูกค้ารีเทล ซึ่งทางอาคารก็มีมาตรการช่วยเหลือ โดยภาพรวมการดำเนินงานยังเป็นไปตามแผน
ขณะที่อาคารเมโทรโพลิศ เนื่องจากผู้เช่าเป็นกลุ่ม SME และ Start up ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบทางธุรกิจ และมีการขอหยุด หรือยกเลิกสัญญา ซึ่งบริษัทมองเป็นโอกาสที่ดี ภายหลังได้เข้าซื้ออาคารนี้มาเมื่อต้นปีที่จะได้เดินหน้าปรับปรุงอาคารเพื่อให้พร้อมรองรับกับ Next Normal of Commercial ต่อไป โดยคาดว่าในปีนี้ธุรกิจอาคารสำนักงานของสิงห์ เอสเตท จะสร้างรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
