กลยุทธ์ราคาได้ผล! "ศุภาลัย" ทุบสถิติเดือนพ.ค. กวาดยอดขายโครงการแนวราบสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ กว่า 2,300 ล้านบาท “ออริจิ้น” ไม่น้อย พ.ค.แตะ 2,400 ล้านบาท รวมสะสมยอด 5 เดือน 9,000 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีแรกยอดขายกว่า 10,000 ล้านบาท "แสนสิริ" สร้างสตอรี่กับธุรกิจ เสริมสภาพคล่องยอดขาย 5เดือน 22,000 ลบ. ค่าย SENA - MJD ชู ไพรซ์วอร์ ดึงกำลังซื้อในอนาคต เร่งลูกค้าตัดสินใจมีบ้าน-คอนโดฯ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯได้มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การปรับสัดส่วนการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการแนวราบ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ครอบคลุมทุกทำเลศักยภาพ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เออร์บานา” เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า การออกแบบบ้านโดยเน้นนวัตกรรมแบบบ้านประหยัดพลังงาน และได้รับรองมาตรฐานระดับสากล ISO 9001 : 2015
อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายนได้กระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชันส่งเสริมการขาย เช่่น โปรโมชัน Supalai 2020 แจก Double ลด Double โปรโมชัน “พักก่อน พี่ผ่อนให้” ศุภาลัย ผ่อนให้ทั้งต้นทั้งดอกเป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี และแคมเปญ Online Booking “Flash Deal! มาไวไปไว ไม่รอ!” เพิ่มช่องทางการจองทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมผ่านช่องทาง Supalai Online Booking ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งการปรับกลยุทธ์การลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยอดลูกค้าเยี่ยมชมโครงการ ในเดือนพฤษภาคม 2563 เพิ่มมากขึ้นเทียบเท่าสภาวะปกติ ทำให้บริษัทฯ สามารถกวาดยอดขายโครงการแนวราบทั่วประเทศได้กว่า 2,300 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากยอดขายในเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องพบว่า แบรนด์แนวราบที่สามารถสร้างยอดขายได้ดี คือ พาร์ควิลล์, พรีมา วิลล่า, ไพรด์, เอสเซ้นส์ และเออร์บานา โดยเห็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายแนวราบ ไปในทิศทางเดียวกันทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค
ด้านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาคในครึ่งปีแรก บริษัทฯได้ทำการเปิดตัวโครงการแนวราบไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยยังคงแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งปีไว้ตามเดิมที่ 25 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท
ออริจิ้น มั่นใจครึ่งปียอดขายกว่า 10,000 ลบ.
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวถึงธุรกิจอสังหาฯในเดือนพฤษภาคม 2563 ว่า สามารถทำยอดขายได้ 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากเดือนเมษายนที่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่กว่า 1,700 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นบ้านจัดสรร 29% และคอนโดมิเนียม 71% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มียอดขายสะสมแล้วกว่า 4,200 ล้านบาท และรวม 5 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายสะสมกว่า 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 แบ่งสัดส่วนเป็นบ้านจัดสรร 34% และคอนโดมิเนียม 66% และมั่นใจในครึ่งปีแรกจะสามารถปิดยอดขายได้กว่า 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 21,500 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีมีโอกาสทำได้มากกว่าเป้าหมาย
"ยอดขายที่เติบโต เนื่องจากการปรับกลยุทธ์เดินเกมการตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการเดินหน้าขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เช่น เปิด Official Store บนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada ไปพร้อมๆ กับการผลักดันพนักงานให้ก้าวสู่ Micro Influencer ขายสินค้าผ่านช่องทางสื่อสารส่วนบุคคล ภายใต้โปรเจกต์ Everyone can sell"
ในแผนครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,700 ล้านบาท จากแผนทั้งปีมูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท โดยเป็นการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 10 โครงการ มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 7,900 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 61:49 ตามลำดับ
แสนสิริ ครึ่งปีหลังเปิดแนวราบ 12 โครงการ 15,200 ลบ.
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า แสนสิริมีแผนเสนอขาย Subordinated Perpetual Bond หรือหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกเท่ากับ 8.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ดังกล่าวผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง ในระหว่างวันที่ 22 -25 มิ.ย.นี้ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทอยู่ที่ BBB+/Negative และอันดับความเชื่อถือของหุ้นกู้อยู่ที่ BBB- จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563
"การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิครั้งนี้ เพื่อรักษาการเติบโตทางธุรกิจ และตามแผนใน 3 ปี จะมียอดขายเติบโตสู่ 120,000 ล้านบาท ผ่านการเปิดตัวโครงการใหม่ การบริหารสต๊อก ปัจจุบัน มีสินค้าพร้อมขายมูลค่า 7,000 ล้านบาท และการบริหารกระแสเงินสด โดยได้จัดสรร Cash Flow ในบริษัทไว้ถึง 10,000 ล้านบาท ขณะที่ ธุรกิจของแสนสิริ ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา สร้างยอดขายไปได้กว่า 22,000 ล้านบาท คิดเป็นถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ของเป้าหมายยอดขายเดิม นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 14 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจกต์อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนเปิดตัวคอนโดฯ อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท"
SENA-MJD ชู ไพรซ์วอร์ ดึงกำลังซื้ออนาคต
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2563 ว่า แม้มีการคาดการณ์กันว่าจะติดลบ 7.3% จากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ฉุดทั้งกำลังซื้อและความเชื่อมั่นก็ตาม แต่ถือเป็นปีทองของผู้ซื้อที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน เพราะได้ชอปสินค้าในราคาที่คุ้มค่า ท่ามกลางการแข่งขันกันด้วยโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ของแต่บริษัท ประกอบกับดอกเบี้ยธนาคารต่ำสุด และยังมีมาตรการลดค่าโอนและลดค่าจำนองของรัฐ
"ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ช่วงไตรมาส 1/63 อาจมีล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่มองว่า ไตรมาส 2/63 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อน่าจะกลับมาไม่ยาก เนื่องจากการบริหารจัดการโควิด-19 ของไทยทำได้ค่อนข้างดีและประชาชนให้ความร่วมมือ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายรวดเร็ว แต่ต้องลุ้นกันว่าถ้าหากการระบาดโควิด-19 กลับมาระลอกใหม่ อาจจะทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักอีกครั้ง และต้องใช้เวลานาน 2-3 ปีถึงจะฟื้นตัว"
สำหรับแผนการกระตุ้นยอดขายนั้น หลังจากบริษัทเสนาฯ ปล่อยแคมเปญ SENA ZERO Covid ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ล่าสุดได้ออกแคมเปญใหญ่ “ถูกสุด ณ จุดนี้” เพื่อมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดคืนกำไรให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในแพกเกจราคาพิเศษและคุ้มที่สุด เหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนเพื่ออนาคต โดยทางเสนาคัดยูนิตพิเศษ วิวสวย และทำเลดีใกล้แนวรถไฟฟ้า กว่า 27 โครงการ ราคาเริ่มต้นที่คุ้มค่าเพียง 7 แสนบาท-10.8 ล้านบาท พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดกว่า 1,900,000 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษรายโครงการอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่วันนี้-30 ก.ย.63
ด้าน น.ส.เพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) "MJD" กล่าวว่า ในช่วงนี้ถ้าผู้ซื้อมีความต้องการอยู่อาศัย ถือว่าเป็นไทมิ่ง ลูกค้าสามารถเลือกซื้อโครงการพร้อมอยู่ในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งถือเป็นข้อดีของวิกฤตในครั้งนี้
โดยบริษัทได้จัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายไปถึงต้นไตรมาส 3 ได้แก่ แคมเปญ “เมเจอร์ เปย์ หรือ เท” คัด 6 โครงการคุณภาพ เริ่มกันที่โปรโมชัน “เปย์” โดยบริษัทช่วยดูแลทั้งต้น และดอก นาน 3 ปี จองวันนี้ รับเพิ่มฟรี ค่าส่วนกลางนานถึง 3 ปี หรือโปรโมชัน “เท” ให้ลูกค้าได้รับส่วนลดสูงสุดกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเลือกทางไหน พร้อมจัดเต็ม On Top ฟรีทุกค่าใช้จ่าย