นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์กำหนดทิศทางและเป้าหมายความยั่งยืนปี 2030 สู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ โดยประกาศ 2 เป้าหมายความยั่งยืนใหม่ที่ท้าทายและต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2030 ได้แก่ การมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Waste ลดขยะและของเสียให้เป็นศูนย์ และการมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Carbon หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์
"เครือซีพีมุ่งมั่นจะขับเคลื่อน คือ เรื่อง Zero Waste และ Zero Carbon ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะถ้ามนุษย์ไม่ช่วยกันรักษาสมดุลของโลก วันหนึ่งมนุษย์อาจสูญพันธุ์โดยไม่รู้ตัว"นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย คาดการณ์ว่าในปี 2030 อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส และภายในปี 2050 จะสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน เร่งสร้างการตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ และนำมาซึ่งความพยายามรักษาและบำบัดทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่อง "Zero Waste" และ"Zero Carbon" ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญระดับโลก และเป็นความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ปัญหา หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ไม่เพียงแต่จะสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่จะทำให้เศรษฐกิจมีความยั่งยืน ประเทศชาติและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นบนโลก ทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อนที่ยิ่งใหญ่ร้ายแรงนี้ และในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลกประจำปีนี้ จึงสร้างภาพยนตร์สั้นเพื่อรณรงค์ปลุกพลังคนไทยร่วมเปลี่ยนโลก กระตุ้นทุกภาคส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด"NO ONE IS TOO SMALL TO MAKE A CHANGE" หรือ "ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้" นำเสนอให้เห็นถึงเรื่องราวของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กับ ปลาวาฬที่เกยตื้นตายเพราะขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งเป็นภาพจำที่ทุกคนทั่วโลกเห็นและรับรู้ผ่านข่าวสารมาโดยตลอด แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้นำจินตนาการของตนเองมาสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยปลาวาฬ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยหวังจะช่วยไม่ให้ปลาวาฬและสัตว์ทะเลอื่นต้องจบชีวิตลงเช่นนี้อีก
ทั้งนี้ ภาพยนตร์สั้นเด็กน้อยกับปลาวาฬ #"CP INNOVATION FOR SUSTAINABILITY" มีกำหนดเผยแพร่บนสื่อออนไลน์และเผยแพร่ตามสถานีโทรทัศน์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563 นี้ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นต้นไป เพื่อให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติก ไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกคนเป็นหนึ่งแรงสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ด้วยสำนึกและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ด้านนายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยว่า วันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ บริษัทได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนโครงการใหม่ "CP All Food Waste Management" เพื่อขยายโครงการ 7 Go Green หรือโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเซเว่น อีเลฟเว่น ไปสู่การบริหารจัดการสินค้าใกล้หมดอายุให้เป็นประโยชน์กับชุมชนและสังคม เพื่อลดปัญหาขยะจากอาหารใกล้หมดอายุ (food waste)
โดยเฟสแรกได้ร่วมมือกับภาคประชาสังคม สถานศึกษา หน่วยงานในพื้นที่ พัฒนาการจัดการ Food waste บนพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อร่วมกันศึกษาเรียนรู้และพัฒนาให้เป็น สมุยโมเดล ต้นแบบการบริหารจัดการ อาหารเสื่อมสภาพ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกจากร้าน 7-11 เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่เกาะสมุย ประกอบด้วย 1.ศูนย์การเรียนรู้ขยะมีค่า 2.เครือข่ายรวมพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม 3.ป้านุ้ย-ลุงเจตต์ ( นางเตือนใจ สมวงค์ ) มือปราบขยะแห่งเกาะสมุย
ทั้งนี้ การจัดการ Food Waste เป็นหนึ่งภารกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของประเทศไทย และของโลก (Sustainable Development Goals: SDGs)ตามกรอบขององค์การสหประชาชาติ(UN)