หุ้นปิดเช้าร่วง 26.71 จุด ตามตลาดภูมิภาค วิตกความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกดดัน แนวโน้มภาคบ่ายดัชนีหลุดแนว 1,300 จุดทำให้ไม่ค่อยดี ดังนั้น ในช่วงบ่ายจะต้องลุ้นให้ยืนเหนือ 1,300 จุดให้ได้ มิฉะนั้นตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากในแง่ Valuation ก็ถือว่าแพงจากเทรด P/E 19 เท่า ซึ่งกำไรของบริษัทจดทะเบียนได้ถูกปรับลง
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงกว่าที่คิดไว้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับตัวลงมากกว่าตลาดอื่น รับแรงกดดันจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ตึงเครียดขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกถอดออกจากตลาด และทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้จีนอย่างรุนแรงหากจีนออกกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ทำให้มองว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยังคงมีอย่างต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.นี้
ส่วนบ้านเราก็มีแรงกดดันเล็กน้อยจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีมติต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 พ.ค. 63 ออกไปอีก 1 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,293.98 จุด ลดลง 26.71 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.02% มูลค่าซื้อขายราว 33,329 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์กล่าวว่า ดัชนีฯ หลุดแนว 1,300 จุดทำให้ไม่ค่อยดี ดังนั้น ในช่วงบ่ายจะต้องลุ้นให้ยืนเหนือ 1,300 จุดให้ได้ มิฉะนั้นตลาดฯ มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากในแง่ Valuation ก็ถือว่าแพง จากเทรด P/E 19 เท่า ซึ่งกำไรของบริษัทจดทะเบียนได้ถูกปรับลง โดยฝ่ายวิจัยบล.ฟินันเซีย ไซรัสคาดการณ์ EPS ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดอยู่ที่ 68 บาท พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,300-1,320 จุด