xs
xsm
sm
md
lg

โอสถสภาโกยกำไรไตรมาส 1/63 กว่า 926 ล้านบาท โต 4.2% ชูเครื่องดื่มวิตามินดันยอดขายสู้โควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหารและ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP
บมจ.โอสถสภาเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ทำกำไรสุทธิ 926 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 6,687 ล้านบาท กินส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังรวม 54% ปักธง “ซี-วิต” ทำสถิติส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มวิตามินขายดีในช่วงที่ไวรัสระบาด ช่วยผลักดันภาพรวมเติบโตต่อเนื่องแม้เจอปัจจัยเสี่ยงจากโควิด-19 พร้อมปรับแผนเดินหน้ารับมือวิกฤต และเร่งเดินหน้าเพิ่มไลน์การผลิตเครื่องดื่มรับดีมานด์ เทรนด์สุขภาพในครึ่งปีหลัง

นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหารและ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 (มกราคม-มีนาคม 2563) บริษัทฯ ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ตามแผน แม้ว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีกำไรสุทธิ 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนั้น OSP มีส่วนแบ่งการตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 54% โดยมีแบรนด์ เอ็ม-150 มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ (Functional Drink) มีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใส่ใจสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แบรนด์ ‘ซี-วิต’ มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 31.3% และช่วยผลักดันให้ภาพรวมตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในไตรมาสนี้เติบโตถึง 16.1%

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตได้ดีจากจุดแข็งของทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและทันเหตุการณ์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ 70% สำหรับล้างมือที่มีเอกลักษณ์และคุณสมบัติพิเศษต่างจากสินค้าอื่นๆ ในท้องตลาด ได้แก่ เจลล้างมือและสเปรย์ทำความสะอาดมือภายใต้แบรนด์ ‘โอเล่’ ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมซิกเนเจอร์ของลูกอมโอเล่ เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่มองหาเจลล้างมือที่มีกลิ่นหอม และผลิตภัณฑ์ ‘เบบี้มายด์ แนชเชอรัล แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เจล’ สำหรับคุณแม่ที่ต้องการแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือสำหรับผิวอันบอบบางของลูกน้อย เพิ่มความมั่นใจในความอ่อนโยนด้วยสารสกัดอะโลเวราออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองจากสถาบันรับรองออร์แกนิกระดับโลก ECOCERT®

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตของช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยยอดขายเติบโตสูงถึง 3 เท่า โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ได้แก่ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เช่น เบบี้มายด์ และแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ ‘สลิมม่า’ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของใยอาหาร แอลคาร์นิทีน และวิตามินบี ช่วยลดการดูดซึมและเผาผลาญไขมัน และ ‘เปปทีน โกลด์’ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเสริมภูมิต้านทาน

นอกจากนี้ การดำเนินโครงการ Fit Fast Firm อย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดยังคงส่งผลให้ลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องดื่มเพื่อตอบดีมานต์ของตลาดยังคงเป็นไปตามแผนงาน และเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 10-15% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต่อธุรกิจของโอสถสภานั้น นายเพชรกล่าวว่า “สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจ แต่เนื่องจากโอสถสภายังคงแข็งแกร่งจากการมีพอร์ตสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม และจากการที่บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรับมือล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะมีการระบาดรุนแรง ทั้งแคมเปญการตลาด ด้านการผลิต ซัปพลายเชน และการจัดส่งสินค้า ส่งผลให้สามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่หยุดชะงัก แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังคงดูแลพนักงานให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ยังไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานออก และพร้อมจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการยับยั้งโควิด-19 อย่างเต็มที่”


กำลังโหลดความคิดเห็น