หุ้นไทยปิดร่วง 13.48 จุด ตามต่างประเทศ กลุ่มพลังงานถ่วงหลังราคาน้ำมันติดลบ ขณะที่ตลาดแพงหลังเทรดบน P/E กว่า 16 เท่า แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดตลาดมีโอกาสที่จะซึมลง โดยให้จับตาการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และมาตรการผ่อนปรนของทางการจะมีอะไรบ้าง
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนค่อนข้างมาก ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างติดลบกัน รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ติดลบส่งผลให้กลุ่มพลังงานถ่วงตลาด แต่ตลาดหุ้นไทยดูดีกว่าตลาดภูมิภาค จากที่มีการรีบาวด์ได้ในช่วงบ่าย(ลดช่วงลบ) จากความคาดหวังในมาตรการผ่อนปรนล็อกดาวน์ และรายงานผลกำไรของกลุ่มการเงินที่ดีกว่าคาด จากเดิมที่มีการตีความกันว่าจะออกมาแย่มาก อีกทั้งแนวโน้มไตรมาส 2/63 กำไรก็ไม่แย่มากเนื่องจากมีการเลื่อนใช้มาตรการฐานบัญชีออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยขณะนี้เทรด P/E กว่า 16 เท่า ถือว่าแพงแล้ว ซึ่งก็เป็นการซื้อบนความคาดหวัง ทั้งที่ยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริง โดยตลาดฯได้รับแรงส่งจากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อหนุนมาโดยตลอด ขณะที่ต่างชาติก็ยังคงขายต่อเนื่อง ซึ่งถ้าสถาบันเปลี่ยนทิศทางมาขายก็จะทำให้ตลาดฯปรับตัวลง อีกทั้งให้จับตาพวกที่ไล่หุ้นจนขึ้นไป 30% แล้วจะเปลี่ยนมาขายหรือไม่
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,252.92 จุด ลดลง 13.48 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.06% มูลค่าการซื้อขาย 58,676.75 ล้านบาท ด้านประเภทนักลงทุน สถาบันซื้อสุทธิ 2,077.72 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 448.35 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 6,103.20 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,577.13 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะซึมลง โดยให้จับตาการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และมาตรการผ่อนปรนของทางการจะมีอะไรบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,243-1,226 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270-1,280 จุด