"ธสน." เตรียมขยายสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2% ขานรับนโยบาย ธปท. เยียวยาผลกระทบโควิด-19 สำหรับลูกค้า SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท รวมกว่า 2.5 พันราย ซึ่งมียอดหนี้คงค้างรวม 2 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยให้มีสภาพคล่องเพิ่มอีก 4 พันล้านบาท หวังให้ช่วยรักษาการจ้างงานในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับส่งออก เริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้-31 ธ.ค.63
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ธสน. ได้ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสนับสนุนสินเชื่อใหม่ (Soft Loan) ให้แก่ธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินรวมกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท เป็นเวลา 2 ปี โดยเตรียมพร้อมขยายสินเชื่อให้แก่ลูกค้า SMEs ของ ธสน. ที่เข้ามาตรการความช่วยเหลือดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก จำนวนกว่า 2,500 ราย ซึ่งมียอดคงค้างสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท โดย ธสน. สามารถให้กู้เพิ่มได้สูงสุด 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ สิ้นปี 2562 เพื่อช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีเงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท ระยะเวลาอนุมัติตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563
สำหรับมาตรการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของ ธสน. จะประกอบไปด้วยสินเชื่อระยะสั้น 2 ปี สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินสูงสุด 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2562 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี โดยฟรีดอกเบี้ย 6 เดือน และฟรีค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่อเพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน ซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19
ขณะเดียวกัน ยังมีสินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไป โดยกำหนดวงเงินกู้สูงสุดไว้ที่ 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 นำไปใช้หมุนเวียนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน ซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีวงเงินกูสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 นำไปใช้ซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ หรือต่อเติมปรับปรุงโรงงานด้วย
ด้านสินเชื่อส่งเสริมการจ้างงาน ธสน. ได้กำหนดวงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3% ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี รวมทั้งยังได้เปิดคลินิกให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2617-2111 ต่อ 3510-2 ด้วย