ตลาดหลักทรัพย์กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นการยกเว้นมาตรการ “C” เป็นการชั่วคราว จนถึงงวดบัญชีวันที่ 31 ธันวาคม 2563 กรณีที่บริษัทจดทะเบียนมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และมีผลย้อนหลังถึงบริษัทจดทะเบียนที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” ด้วยเหตุเดียวกัน เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
เหตุผลการยกเลิกการบังคับใช้มาตรการ “C” ชั่วคราว ตลาดหลักทรัพย์อ้างว่า การใช้มาตรการ “C” ในช่วงวิกฤตโควิด-19 อาจไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ และ อาจทำให้บริษัทจดทะเบียนแก้ปัญหาฐานะการเงินยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนหรือการกู้ยืมเงิน
มาตรการขึ้นเครื่องหมาย “C” เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน โดยเป็นการเตือนถึงเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องซื้อหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” ด้วยบัญชีแคชบาลานซ์หรือซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น
หุ้นที่จะเข้าข่ายถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" ประกอบด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว บริษัทที่เป็นสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ถูกหน่วยงานที่กำกับสั่งให้แก้ฐานะการเงินหรือการดำเนินงาน
ถูกยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการและศาลรับคำร้องไว้ ถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลายและศาลรับคำร้องไว้ รายงานของผู้สอบบัญชีมีลักษณะแสดงความเห็นต่องบการเงิน ก.ล.ต. มีคำสั่งให้แก้ไขงบการเงิน และบริษัทจดทะเบียนที่มีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนที่ถูกแขวนป้าย “C” อยู่กว่า 10 บริษัท
การผลักดันมาตรการ “C” ออกมา ตลาดหลักทรัพย์ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นมารอบด้านแล้ว เห็นว่าเป็นมาตรการที่ดี และช่วยส่งสัญญาณเตือนให้นักลงทุนรู้ถึงฐานะของบริษัทจดทะเบียนในเบื้องต้น ก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา จะได้ระมัดระวังตัวล่วงหน้า
เครื่องหมาย “C” ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนการแขวนป้าย “SP” พักการซื้อขายหุ้น เพียงแต่ หุ้นจะต้องซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น และบริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องเร่งแก้ปัญหาที่ทำให้ถูกขึ้นป้าย “C”
วิกฤต “โควิด-19” ส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น รวมทั้งตลาด mai เกือบ 1 พันบริษัท และอาจทำให้บริษัทจดทะเบียนบางแห่งขู่เงื่อนไขแขวนป้าย “C” มากขึ้น กรณีที่ส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
แต่ถ้ามีบริษัทจดทะเบียนถูกพิษโควิด-19 จนถูกแขวนป้าย “C” เพิ่มขึ้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรต่อบริษัทมากนัก เพราะการดำเนินงานยังเป็นไปตามปกติ ถ้าจะมีปัญหาการเพิ่มทุนหรือการกู้ยืมเงิน แม้ไม่ถูกมาตรการ “C” ก็ได้รับผลกระทบอยู่เหมือนเดิม เพราะถ้าจะเพิ่มทุน นักลงทุนต้องประเมินฐานะของบริษัทก่อนใส่เงินเพิ่มทุน
หรือถ้าจะกู้เงิน สถาบันการเงินยิ่งต้องตรวจสอบฐานะทางการเงินอย่างละเอียด ไม่เกี่ยวกับป้าย “C” แต่อย่างใด
แต่การผ่อนปรนป้าย “C” อาจส่งผลกระทบต่อผู้ลงทุน เพราะไม่ได้รับการส่งสัญญาณว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนเริ่มมีความเปราะบาง แม้จะเปราะบางเพราะผลกระทบจาก “โควิด-19” ก็ตาม
มาตรการ “C” ดีอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ตลาดหลักทรัพย์จะพักการบังคับใช้ แม้จะชั่วคราวก็ตาม และไม่ควรจะเป็นห่วงเป็นใยบริษัทจดทะเบียนมากเกินไป กระทบอะไรนิดหน่อยก็รีบเข้าไปอุ้ม ทั้งที่ควรจะเน้นหนักในการปกป้องคุ้มครองผู้ลงทุนมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19
ป้าย “C” ไม่ใช่เรื่องที่บริษัทจดทะเบียนจะต้องอับอาย ยิ่งได้รับผลกระทบจาก “โควิด-19” ยิ่งไม่ต้องกลัวขายขี้หน้า เพราะบริษัทจดทะเบียนเล็กหรือใหญ่ถูกกระทบเหมือนกันหมด
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่ถูกกระทบหนัก จนส่วนผู้ถือหุ้นลดลงต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ก็ควรขึ้นเครื่องหมาย “C” เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ลงทุนระวังตัว แทนที่จะชวยปกปิดฐานะกันไว้
ไม่เข้าใจว่า ตลาดหลักทรัพย์เดือดร้อนอะไรกับมาตรการดีๆ จึงจะพักใช้ป้าย “C” ทั้งที่แทบไม่ได้ช่วยบรรเทาผลกระทบบริษัทจดทะเบียนจาก “โควิด-19” เลย