ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดฉากลุยตลาดพม่า ได้รับอนุมัติในการจัดตั้งธนาคารลูก (Subsidiary Bank) ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เตรียมแผนให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายใหญ่ เอสเอ็มอี และรายย่อยครบวงจร ผลักดันให้พม่าเป็นประเทศกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้เครือข่ายธุรกิจต่างประเทศ พร้อมเป็นสะพานเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างไทย-พม่า และต่อยอดสู่เครือข่ายการค้าระดับภูมิภาคที่ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV+2 รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในระยะยาว คาดว่าจะตั้งธุรกิจแล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้า 5 ปีแรกอัดฉีดสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจอันดับต้นๆ ของภูมิภาคที่นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจ โดยใน 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวของจีดีพีเฉลี่ยประมาณ 6-7% และมีมูลค่าการลงทุนตรงจากประเทศไทย (FDI) ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจนถึงปัจจุบันที่ 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ และจีน นอกจากนั้น ประเทศไทยยังเป็นคู่ค้าในลำดับที่ 2 รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้า 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562
ด้วยศักยภาพดังกล่าว ธนาคารไทยพาณิชย์จึงมีความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจเข้าไปยังพม่าอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นให้บริการผ่านสำนักงานผู้แทนธนาคารในพม่าตั้งแต่ปี 2555 จนกระทั่งวันนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางพม่าให้จัดตั้งธุรกิจแบบจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลตามกฎหมายพม่า (Subsidiary Bank) ทำให้เราสามารถเปิดธนาคารในรูปแบบบริษัทลูกที่มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้น 100% และสามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบเสมือนธนาคารท้องถิ่นในพม่า โดยภายใต้ Subsidiary License ทำให้ธนาคารสามารถเปิดสาขาในแหล่งธุรกิจที่สำคัญได้ถึง 10 สาขา ในระยะแรกธนาคารจะมุ่งตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนแล้วและที่ต้องการเข้าไปขยายธุรกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนในพม่า ด้วยโซลูชันทางการเงินเพื่อธุรกิจการค้าครบวงจร เช่น สินเชื่อ อัตราแลกเปลี่ยน ธุรกรรมการค้า ซัปพลายเชน และบริหารเงินสด เป็นต้น
"ด้วยแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในทุกภาคอุตสาหกรรม และจุดเด่นที่ทำให้พม่าเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากต่างชาติ อีกประการหนึ่งคือ ค่าแรงที่อยู่ในระดับไม่สูงมากนักของแรงงานพม่า จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาใช้พม่าเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปทั่วภูมิภาคได้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีลูกค้านักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนที่พม่าและมีความสนใจใช้บริการกับธนาคารแล้วกว่า 100 ราย จากกลุ่มอุปโภคบริโภค พลังงาน นิคมอุตสาหกรรม ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมการเกษตร โดยธนาคารตั้งเป้าประมาณการวงเงินสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2567"
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับอนุญาตให้บริการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยของพม่าได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ซึ่งตลาดลูกค้ารายย่อยของพม่านั้นถือว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับธุรกิจธนาคาร ด้วยประชากรกว่า 54 ล้านคนถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพที่ธนาคารจะพัฒนาการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานให้แก่ชาวพม่า ทั้งนี้ ธนาคารวางแผนที่จะพิจารณาการให้บริการลูกค้ารายย่อยชาวพม่าด้วยผลิตภัณฑ์ทางด้านเงินฝาก สินเชื่อบุคคล ดิจิทัลแบงกิ้ง และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งอีกด้วย
