หุ้นไทยปิดร่วง 20.35 จุด ตามตลาดต่างประเทศ รับผลจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน ส่วนในประเทศกังวลข่าวนายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุม ครม.ด่วนในวันศุกร์นี้ ทำให้คนกังวลว่ารัฐบาลอาจจะออกมาตรการเคอร์ฟิว
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 เม.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,105.51 จุด ลดลง 20.35 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.81% มูลค่าการซื้อขาย 67,169.04 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,132.10 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,105.34 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ติดลบ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวลงกัน รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงลงด้วย รับผลจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน
สำหรับบ้านเราในช่วงเช้ายังมีแรงซื้อเข้ามา แต่ในเวลาต่อมามีข่าวนายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด่วนในวันศุกร์นี้ ทำให้คนกังวลว่ารัฐบาลอาจจะออกมาตรการเคอร์ฟิวจึงขายทำกำไรออกมาก่อน โดยหุ้นที่ปรับตัวลงแรงเป็นหุ้นในกลุ่มแบงก์ ส่วนหุ้น PTT ก็ปรับตัวลงอยู่แล้ว และก็มีหุ้นในกลุ่มค้าปลีกก็ปรับตัวลงหลังจากที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนดเวลาในการปิดทุกร้านค้าและซูเปอร์มาร์เกตตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตี 5 แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว โดยมาตรการที่เข้มข้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสของภาครัฐฯ ก็น่าจะคงค่อยๆ ทำทีละ Step
ทั้งนี้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในช่วงเช้าวันที่ 3 เม.ย. 63 เพื่อหารือเร่งด่วน ได้แก่ การรับฟังข้อมูลจากกระทรวงต่างๆ เพื่อออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระยะ 3-4 สำหรับช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. 63 และหารือเรื่องงบประมาณ กรอบวงเงิน จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน รวมทั้งแหล่งที่มาของเงิน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) นายมงคลกล่าวว่า ตลาดฯ ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ แต่ก็อยู่ที่ทิศทางดาวโจนส์ฟิวเจอร์สในช่วงเช้าด้วย และขึ้นอยู่กับข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะออกมาเป็นบวก/ลบ แม้มักจะออกมาเป็นลบมากกว่าจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังสามารถซื้อหุ้นราคาถูกได้ พร้อมให้แนวรับ 1,090 จุด ส่วนแนวต้าน 1,130 จุด
ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 37.99 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,089.21 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,998.35 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,049.57 ล้านบาท