ปิดเช้าร่วง 80.29 จุด หนักกว่าตลาดในต่างประเทศรับผลกระทบจากประกาศปิดห้างฯ และศูนย์การค้า ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้อง และส่งผลทำให้พนักงานและลูกจ้างมีการหยุดงานกระทบกำลังซื้อที่ลดลง แถมเผชิญแรงกดดันราคาน้ำมันที่ลดลง แนวโน้มภาคบ่ายคาดตลาดจะยังได้รับแรงกดดันจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับช่วงเช้า
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงแรงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค มองว่ามาจากการประกาศสั่งปิดห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้อง และส่งผลทำให้พนักงานและลูกจ้างมีการหยุดงาน กระทบกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้รายได้ของบริษัทลดลงไป
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยกดดันมาจากราคาน้ำมันที่มีทิศทางลดลง หลังจากที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เข้าซื้อน้ำมันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่มีท่าทีในการที่จะกลับมาเจรจาเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ชัดเจนอีกครั้ง ทำให้ไม่มีปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน และ sentiment ของตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่ค่อยดี โดยเฉพาะดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลดลงมากในช่วงเช้านี้ จากความกังวลมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ของสหรัฐฯ ที่อาจจะออกมาล่าช้า
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,046.95 จุด ลดลง 80.29 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -7.12% มูลค่าซื้อขายราว 34,840 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐชาตคาดว่าตลาดฯ จะยังได้รับแรงกดดันจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ และทิศทางของราคาน้ำมันที่ยังคงได้รับแรงกดดัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดู underperform มากกว่าตลาดภูมิภาค พร้อมให้แนวรับ 1,020 จุด ส่วนแนวต้าน 1,080-1,100 จุด