xs
xsm
sm
md
lg

ชัยวัฒนาฯ คว้างานบริหารจัดการขยะมูลฝอย มูลค่า 590 ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป คว้างานโครงบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน ที่นครสวรรค์ มูลค่า 590 ล้านบาท เตรียมอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง และเข้าทำสัญญาโครงการบริหารจัดการภายในเดือนมิถุนายน 2563

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด หรือ GP1 ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 75.01% โดยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 GP1 ได้รับหนังสือแจ้งการได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโครงบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนลงทุนโดยเอกชน เทศบาลนครนครสวรรค์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง และคาดว่าจะเข้าทำสัญญาโครงการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนภายในเดือนมิถุนายน 2563

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นเพียงการลงทุนในการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนก่อนในเบื้องต้น และจะได้มีการพัฒนาเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชน ตามนโยบายของภาครัฐในลำดับต่อไป

นายวีระพล กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีความพร้อมและทีมงานที่เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการขยะเป็นอย่างดี โดยที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณขยะที่ต้องบริหารจัดการมากกว่า 300 ตันต่อวัน ซึ่งที่ส่งไปบ่อฝังกลบเทศบาลนครนครสวรรค์ มีประมาณ 250 ตันต่อวัน อีกทั้งในบ่อฝังกลบเดิมก็มีขยะอยู่จำนวนมากกว่า 1 ล้านตันแล้ว ทางเทศบาลฯ จึงเห็นว่าการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการ จะทำให้การบริหารจัดการขยะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเห็นโอกาสจึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกในโครงการนี้ ซึ่งจากเกณฑ์การคัดเลือกที่ผ่านมา ได้คะแนนประเมินทางด้านเทคนิคสูงที่สุด ทำให้สามารถคว้าสิทธิผู้จัดการมาได้เป็นการทำสัญญาว่าจ้างแบบระยะยาว 25 ปี มีมูลค่ารวมประมาณ 590 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัญญาในเฟสแรก บริหารจัดการและจัดการขยะให้เป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel : RDF)

ทั้งนี้ ทางเทศบาลนครนครสวรรค์ จะพัฒนาโครงการต่อให้ไปเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชน อันเป็นโครงการที่น่าสนใจ เมื่อมีข้อกำหนดที่ชัดเจนจากทางเทศบาลฯ แล้ว บริษัทฯ จะได้รับเชิญชวนให้พัฒนางานโรงไฟฟ้าขยะชุมชนนี้ด้วย ซึ่งมีความพร้อมที่จะทำงานต่อทันที โดยจะเป็นการต่อยอดจากเป็นผู้บริหารจัดการขยะไปสู่ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า และสอดคล้องต่อมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ซึ่งอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการแปลงขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ที่แม้ว่าจะใช้เวลานานสักนิดในการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติไว้ แต่ cwt ก็ทำให้เห็นว่าทำได้ตามที่แจ้งไว้จริงๆ เพราะบริษัทฯ จะทำแต่โครงการที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น และแน่นอนว่าจะไม่หยุดพัฒนาโครงสร้างการทำงานในทุกภาคธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตที่สูงขึ้นในทุกทิศทาง

“แม้ทั่วโลกจะอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอันเป็นผลกระทบจากไวรัส COVID-19 แต่ธุรกิจ CWT ไม่ได้รัยกระทบตามไปด้วยทุกธุรกิจ โดยรวมเรายังอยู่ในเกณฑ์ดี มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้าของเรา รวมทั้งธุรกิจในบริษัทย่อย ‘SakunC’ เป็นการทำงานร่วมกับส่วนราชการ ซึ่งในปี 2563 มีงานราชการเข้ามามูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท” นายวีระพล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น