หุ้นปิดเช้าร่วง 10.95 จุด ตลาดผันผวนรุนแรงหลังใช้ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ครั้งที่ 2 ท่ามกลางผลกระทบไวรัสโควิด และราคาน้ำมันขาลง แนวโน้มภาคบ่ายคาดตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดต่างประเทศด้วย ถ้าติดลบกันไม่มากก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปิดในแดนบวก
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเกิด Panic Sell จนต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์พักการซื้อขาย 30 นาทีเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากวานนี้ ก่อนที่รีบาวด์และแกว่งตัวผันผวนรุนแรง อย่างไรก็ตาม จากสถิติการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ผ่านมาของไทย 3 ครั้งหลังจากใช้เชอร์กิตเบรกเกอร์แล้วในวันถัดไปหุ้นมักจะปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้มีโอกาสที่วันนี้หุ้นไทยอาจจะปรับขึ้นได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ติดลบถ้วนหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบกว่า 1% แต่ถือว่าน้อยกว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตอนนี้ตลาดบ้านเราจะ Link กับดาวโจนส์ ซึ่งมีตัวแปรเดียวกันคือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำมันก็เป็นลบด้วยจากตอนนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงไปมาก และตลาดหุ้นไทยก็ยังมีน้ำหนักหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก จากสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นี้ ทำให้คนไม่ค่อยให้ความสนใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่ออกมา ตอนนี้คงจะต้องรอข่าวดีด้านอื่นๆ
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,103.96 จุด ลดลง 10.95 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.98% มูลค่าซื้อขายราว 73,954.19 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดต่างประเทศด้วย ถ้าติดลบกันไม่มากก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปิดในแดนบวก