“ศุลกากร” เผยยอดส่งออกหน้ากากอนามัย ม.ค.-ก.พ. มี 330 ตัน คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท ย้ำเฝ้าระวังการส่งออกอย่างเต็มที่ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์มาช่วยสแกนหาหน้ากากอนามัยที่ส่งออกโดยผิดกฎหมาย พร้อมยังมีระบบการแสวงหาข้อมูลและวิเคราะห์ข่าวเข้ามาช่วย ชี้การส่งออกหน้ากากในปัจจุบันยังเป็นไปตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ เตรียมจ่อเอาผิดเพจที่ลงข้อความเป็นเท็จ อ้างโดนเจ้าหน้าที่กักตู้คอนเทนเนอร์ขนหน้ากากเข้าประเทศ 5 ล้านชิ้น แถมยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ขอแบ่งหน้ากาก 2 ล้านชิ้นแลกเซ็นปล่อยของ
นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวถึงการเฝ้าระวังการลักลอบส่งออกหน้ากากอนามัยออกจากประเทศไทยว่า ในปัจจุบันการส่งออกยังเป็นไปตามเงื่อนไขในประกาศของกระทรวงพาณิชย์ โดยผู้ส่งออกทุกรายจะต้องขออนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน
ส่วนจำนวนการส่งออกหน้ากากอนามัยตามพิกัดศุลกากรที่ 6307 นั้น โฆษกกรมศุลกากร ระบุว่า ในช่วงเดือน ม.ค.63 จะมีทั้งสิ้น 150 ตัน และเดือน ก.พ.63 จะมีอีก 180 ตัน ทั้งนี้ ยอดรวมส่งออก 2 เดือนจะมีทั้งสิ้น 330 ตัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมที่ 160 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังประเทศจีน ฮ่องกง อเมริกา สำหรับการยอดการนำเข้าในเดือน ม.ค.63 จะมีทั้งสิ้น 145 ตัน และในเดือน ก.พ.63 จะมี 71 ตัน ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากจีน โดยผู้นำเข้าจะต้องเสียภาษีนำเข้าที่ 5%
โฆษกกรมศุลกากร ยังย้ำด้วยว่า กรมศุลกากรได้มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากรได้มีคำสั่งการถึงทุกหน่วยงานให้ช่วยกันดูแลป้องกันอย่าให้เกิดปัญหาดังกล่าวนี้ด้วย ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้มีการใช้เครื่องเอกซ์เรย์เพื่อสแกนตู้คอนเทนเนอร์ที่ต้องสงสัยว่าจะมีการส่งออกอย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งยังมีการแสวงหาข้อมูลด้านการข่าว และวิเคราะห์เคราะห์ข่าวถึงความเสี่ยงที่เป็นไปเกี่ยวกับตัวผู้ส่งออกซึ่งอาจมีลักลอบส่งออกหน้ากากอนามัยโดยไม่ถูกต้อง รวมถึงยังขอให้การท่าอากาศยานช่วยดูแลเรื่องการเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารสายการบินต่างๆ ที่อาจมีการนำหน้ากากอนามัยติดตัวออกนอกประเทศเกินกว่าจำนวนที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนด