ยักษ์ใหญ่ ทีโอเอ แจงปี 2562 มีรายได้รวม 17,092.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 729.3 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มั่นใจปี 2563 บริษัทฯ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในไทยและอาเซียน ด้วยกลยุทธ์การบุกตลาดแบบครบวงจร เพิ่มรายได้ด้วยผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างและยิปซัมบอร์ด
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ปกป้องพื้นผิวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 17,092.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 2,162.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% โดยปัจจัยการเติบโตมาจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารในทุกเซกเมนต์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Non-Decorative ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่อ่อนตัวลงในปี 2562 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.07 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 18.6% จากปีก่อนหน้านี้ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.90 บาทต่อหุ้น
สำหรับโครงสร้างรายได้แบ่งตามประเภทของผลิตภัณฑ์ หลักๆ จะมาจาก ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร 11,635 ล้านบาท คิดเป็น 68% ของรายได้จากการขาย รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น 4,866.1 ล้านบาท คิดเป็น 28.7% ผลิตภัณฑ์อื่นๆ (ประกอบด้วยการขายผลิตภัณฑ์บางประเภทให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันของบริษัทฯ เช่น วัตถุดิบ และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป) จำนวน 477.2 ล้านบาท คิดเป็น 2.8%
พร้อมเผยทิศทางการดำเนินงานบริษัทฯ ปี 2563 มั่นใจจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์หลักที่ตอบสนองผู้บริโภค ผู้ใช้ และคู่ค้าพันธมิตรด้านการใช้งานแบบครบวงจร (Total Solutions) ที่มากกว่าสีทาอาคาร หรือ Growing Beyond Colors เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารเกรดพรีเมียม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Non-Decorative ด้วยการขยายตลาดในกลุ่มเคมีก่อสร้างและยิปซัมบอร์ด
สำหรับทิศทางการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน ในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำตลาดสี ด้วยกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากแบรนด์สินค้า TOA ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตสีในประเทศอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในปี 2563 ตั้งเป้าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตสีอีก 2 แห่ง ในประเทศพมาา และกัมพูชา เพื่อรองรับการขยายตลาดและยกระดับการให้บริการคู่ค้าทุกกลุ่ม รวมทั้งรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศเวียดนามจะช่วยหนุนให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง