เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์เตรียมจ่ายปันผล 0.095 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 100% 9 ปีซ้อน เดินหน้าตามแผนธุรกิจ จับมือพันธมิตรขยายฐานลูกค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย ล่าสุดลงนามสัญญาจำหน่าย BIM ให้พันธมิตรประเทศจีนรายใหม่ใช้ควบคุมโควิด-19 ในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ด้านธุรกิจในประเทศ เน้นทำการตลาดผ่าน Social Media เต็มรูปแบบ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-10% ขณะที่รายได้จากต่างประเทศผลักดันรายได้รวมทั้งปีเพิ่มมากขึ้นอีก 70% พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80%
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.095 บาท หรือคิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ ซึ่งถือเป็นปีที่ 9 ที่บริษัทจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 100% อย่างต่อเนื่อง โดยจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดทั้งสิ้น 57 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 เม.ย. 63 และจ่ายปันผลในวันที่ 11 พ.ค. 63 (ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 20 เม.ย.63)
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนปรับกลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตรขยายฐานลูกค้า รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งใน และต่างประเทศ
ล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญาจำหน่าย BIM ให้พันธมิตรประเทศจีนรายใหม่ใช้ควบคุมโควิด-19 ในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน อย่างต่ำ 360,000 ขวด ใน 12 เดือน ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS และมะเร็ง ยังคงดำเนินการประสานงานกับพันธมิตรเพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปในประเทศไนจีเรีย, เอธิโอเปีย และประเทศอื่นๆ ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดนี้
ขณะที่การดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทเน้นทำการตลาดผ่าน Social Media มากขึ้น ทั้งการขายผ่านศูนย์ BIM Health Center และตัวแทนจำหน่ายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับแพทย์ที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ APCO นำผลิตภัณฑ์เข้าไปใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพในคลินิก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากทิศทางการดำเนินงานดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้ในประเทศเติบโตประมาณ 5-10% ในขณะที่การจำหน่ายไปยังต่างประเทศจะทำให้รายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 70% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80%
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 67.53 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 103.25 ล้านบาท จำนวน 35.72 ล้านบาท หรือลดลง 34.60% และมีกำไรสุทธิ 16.07 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.81 ล้านบาท จำนวน 9.74 ล้านบาท หรือลดลง 37.74%
ส่วนผลประกอบการปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 276.11 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 376.45 ล้านบาท จำนวน 100.34 ล้านบาท หรือลดลง 26.65% และมีกำไรสุทธิ 57.90 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94.75 ล้านบาท จำนวน 36.84 ล้านบาท หรือลดลง 38.88% ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทชะลอตัวลงเล็กน้อย แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศจะลดลงอย่างมากก็ตาม