xs
xsm
sm
md
lg

เผย 4 เดือนแรกรัฐเบิกจ่ายงบฯ ปี 63 กว่า 9.59 แสนล้าน บ. เร่งดันกว่า 6.46 แสนโครงการให้พร้อมลงนามจัดซื้อจัดจ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"กรมบัญชีกลาง" เผยผลใช้จ่ายเงิน 4 เดือนแรกของปี 63 จะอยู่ที่ 9.59 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 32% ของวงเงินงบฯ รวม 3 ล้านล้านบาท พร้อมเร่งส่วนราชการให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอีกกว่า 6.46 แสนโครงการ ซึ่งมีวงเงินงบฯ รวมกันกว่า 2.37 แสนล้านบาท ให้พร้อมลงนามในสัญญาได้โดยทันทีที่ พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 มีผลบังคับใช้

น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62-31 ม.ค.63) ซึ่งเป็นการใช้จ่ายงบประมาณปี 62 ไปพลางก่อน โดยงบประมาณภาพรวมใช้จ่ายแล้วจะมีจำนวนทั้งสิ้น 959,941 ล้านบาท เทียบจากวงเงินงบประมาณ 3,000,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32%

โดยการเบิกจ่ายนั้นสามารถจำแนกเป็น 1.รายจ่ายลงทุนมีการใช้จ่าย จำนวน 60,001 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 593,871 ล้านบาท คิดเป็น 10.10% และ 2.รายจ่ายประจำมีการใช้จ่าย จำนวน 899,940 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,406,129 ล้านบาท คิดเป็น 37.40% สำหรับเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี มีการใช้จ่าย จำนวน 257,039 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 263,268 ล้านบาท คิดเป็น 97.63%

สำหรับโครงการที่ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในปี 63 นั้น รองอธิบดีกรมบัญชีกล่าว กล่าวว่า จะมีจำนวน 646,161 โครงการ ซึ่งรวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 237,589.8 ล้านบาท ทั้งนี้ สามารถจำแนกเป็น 1.โครงการที่จัดทำสัญญาแล้ว 561,747 โครงการ คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 76,602.10 ล้านบาท 2.โครงการที่อยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญาอีก 50,767 โครงการ ซึ่งคิดเป็นวงเงินงบประมาณ 26,258.43 ล้านบาท และ 3.โครงการที่อยู่ระหว่างจัดหาคู่สัญญา 33,647 โครงการ โดยคิดเป็นวงเงินงบประมาณ 134,729.27 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลางได้เร่งรัดหน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้พร้อมรองรับพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่งอยู่ระหว่างการประกาศใช้ โดยได้มอบนโยบายให้คลังเขต/คลังจังหวัดเร่งประสานงานทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานของรัฐให้เตรียมความพร้อมเร่งดำเนินการจัดทำสัญญาโครงการจัดซื้อจัดจ้างให้สามารถลงนามได้ทันที เมื่องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อนได้ แต่จะลงนามในสัญญาต่อเมื่องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มีผลบังคับใช้ และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณแล้ว เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้โดยเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยทำให้มีเม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่งผลดีในการพัฒนาประเทศในภาพรวมต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น