ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ก.พ. 2563
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate (LPR) ในวันนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งระบุว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 29,348.03 จุด เพิ่มขึ้น 115.84 จุด หรือ +0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,386.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด หรือ +0.47% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,817.18 จุด เพิ่มขึ้น 84.44 จุด หรือ +0.87%
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ลดลง และมีความหวังว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งได้ช่วยหนุนตลาดให้ฟื้นตัวขึ้นหลังร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ทั่วโลกที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.83% ปิดที่ 433.90 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,111.24 จุด เพิ่มขึ้น 54.42 จุด หรือ +0.90%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,789.00 จุด เพิ่มขึ้น 107.81 จุด หรือ +0.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,457.02 จุด เพิ่มขึ้น 75.01 จุด หรือ +1.02%
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 รายใหม่ ลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกันแล้วในจีน และนักลงทุนยังมีความหวังว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,457.02 จุด เพิ่มขึ้น 75.01 จุด หรือ +1.02%
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในจีนเริ่มชะลอตัวลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นรับข่าวสหรัฐฯ ออกมาตรการสกัดการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 53.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 59.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเดือน ม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อประเมินมุมมองของเฟดที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมดังกล่าว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 1,611.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 2556
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 16.1 เซ็นต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 18.311 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 10.6 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 1,004.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 73.60 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3% ปิดที่ 2,571.20 ดอลลาร์/ออนซ์
-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค.ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองบวกที่คณะกรรมการเฟดมีต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.57 เยน จากระดับ 109.87 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9843 ฟรังก์ จากระดับ 0.9828 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3226 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3252 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2918 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2999 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.0796 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0792 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6673 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6685 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 29,348.03 จุด เพิ่มขึ้น 115.84 จุด, +0.40%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,386.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด, +0.47%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 9,817.18 จุด เพิ่มขึ้น 84.44 จุด, +0.87%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,789.00 จุด เพิ่มขึ้น 107.81 จุด, +0.79%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,457.02 จุด เพิ่มขึ้น 75.01 จุด, +1.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,111.24 จุด เพิ่มขึ้น 54.42 จุด, +0.90%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 41,323.00 จุด เพิ่มขึ้น 428.62 จุด, +1.05%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,213.71 จุด เพิ่มขึ้น 17.08 จุด, +0.53%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,534.16 จุด ลดลง 2.92 จุด, -0.19%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,928.79 จุด เพิ่มขึ้น 41.83 จุด, +0.71%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,655.81 จุด เพิ่มขึ้น 125.61 จุด, +0.46%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,396.94 จุด เพิ่มขึ้น 74.05 จุด, +1.01%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,975.40 จุด ลดลง 9.57 จุด, -0.32%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,210.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, +0.07%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 23,400.70 จุด เพิ่มขึ้น 206.90 จุด, +0.89%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 11,758.84 จุด เพิ่มขึ้น 109.86 จุด, +0.94%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,144.60 จุด เพิ่มขึ้น 30.90 จุด, +0.43%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,237.40 จุด เพิ่มขึ้น 29.10 จุด, +0.40%