PLANB วางเป้าปี 63 โต 15-20% ลุยลงทุนขยายสื่อ-เพิ่มคอนเทนต์ พร้อมปฏิเสธข่าวนายกสมาคมฟุตบอลเอื้อประโยชน์บริษัท
นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าการเติบโตในปีนี้ที่ระดับ 15-20% จากการขยายธุรกิจตามแผนงาน เดินหน้าลงทุนเพื่อขยายสื่อใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร ด้วยการวัดผลหากลุ่มเป้าหมายอย่างมีระบบ และทำวิจัยตลาดเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งเพิ่มคอนเทนต์ที่หลากหลายเพื่อดึงดูดและสร้างความผูกพันกับแบรนด์ให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งคอนเทนต์ดนตรี และกีฬา รวมถึงธุรกิจ artist management และเกม ขณะที่ยังเชื่อว่าธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านยังเติบโตได้เพราะเป็นสื่อที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเน้นสร้าง engagement marketing ผ่านคอนเทนต์ทุกรูปแบบ
ส่วนกรณีที่มีการยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ) ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่าสร้างความเสียหายให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และพาดพิงว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทฯ ได้เข้ามาบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และบริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด ในการนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ขั้นตอนการประมูลเป็นไปตามคำชี้ชวน บริษัทฯ ได้ยื่นซองประมูลพร้อมหนังสือค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนเงิน 450 ล้านบาท ให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ 450 ล้านบาทให้แก่บริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด โดยบริษัทฯ ชนะการประมูลด้วยการเป็นผู้เสนอข้อตอบแทนสูงสุดในจำนวนผู้เข้าประมูล 3 ราย
2. ขั้นตอนการทำสัญญาเป็นไปตามการชี้ชวนและข้อกำหนดสมาคมฯ ทุกประการ โดยบริษัทฯ ได้ยื่นหลักประกันของธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนเงิน 250 ล้านบาท ให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ 260 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) จำกัด (ซึ่งต่อมาคู่สัญญาถูกเปลี่ยนเป็นบริษัท ไทยลีก จำกัด) ตามวงเงินค้ำประกันรายได้ขั้นต่ำและมีเอกสารที่จะพิสูจน์ได้
3. ช่วงการดำเนินงาน บริษัทฯ ทำหน้าที่บริหารจัดการสิทธิประโยชน์ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด (ไทยลีก) บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามสัญญาโดยสร้างและนำส่งรายได้เกินกว่าจำนวนรายได้ขั้นต่ำรวมถึงมีหลักประกันมาตลอดจนถึงปี 2563 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสัญญา ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และไทยลีก แต่อย่างใด พร้อมทั้งทำการตลาดด้วยสื่อโฆษณาที่หลากหลาย โดยมีการสรุปรวบรวมข้อมูลส่งให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทุกปี
4. กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าบริษัทฯ ได้รับค่าบริหารจัดการสิทธิประโยชน์จำนวน 136 ล้านบาท จากการลงนามสัญญาย้อนหลังโดยใช้สัญญาของ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท (SPORT) ไม่เป็นความจริง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงการเปลี่ยนคณะผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่มีฝ่ายบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ โดยในขณะนั้นบริษัทฯ เป็นผู้ชนะการเสนอราคา สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จึงเจรจาให้บริษัทฯ เข้าเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้สนับสนุนตามข้อตกลงร่วมกัน มิได้เป็นการรับส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาเดิมของ SPORT แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นในการดำเนินงานอย่างถูกต้องทั้งกระบวนการประมูล และผลงานที่บริษัทฯ สร้างให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดยสามารถส่งมอบรายได้สูงกว่าจำนวนเงินขั้นต่ำที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งยังมีแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาคอนเทนต์สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อโฆษณา การจัดกิจกรรม เพื่อผลักดันให้กีฬาฟุตบอลของคนไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และร่วมสร้างสถิติจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหลายรายการการแข่งขัน โดยมีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียนับล้านคน
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลงานที่สร้างเพื่อสนับสนุนวงการกีฬาไทยจะทำให้บริษัทฯ มีคุณสมบัติเหมาะสม พร้อมสำหรับการประมูลเพื่อบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในครั้งต่อๆ ไป
สำหรับการกล่าวหาให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความเชื่อมั่นในการลงทุนนั้น บริษัทฯ มีแผนจะดำเนินการทางกฎหมาย รวมทั้งเรียกค่าเสียหายตามสิทธิ โดยจะชี้แจงข้อเท็จจริงและพิสูจน์หลักฐานในชั้นศาลต่อไป