สศค. เผยดัชนีชี้วัดการลงทุนของภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรเดือน ธ.ค.62 ชะลอตัว -1.8% เช่นเดียวกับในหมวดก่อสร้างที่สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมอสังหาฯ ที่ -4.6% ขณะที่มูลค่าการส่งออกและนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ -1.3% และบวก 2.5% ตามลำดับ ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าเฉียด 600 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ด้านภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 2.5% และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังไทย 3.93 ล้านคน โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียขยายตัวถึง 12.4%
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง กล่าวถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม 2562 โดยระบุว่า ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่เก็บบนฐานการใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ในขณะที่การส่งออกสินค้าแม้ว่าจะยังชะลอตัวแต่มีการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สำหรับเศรษฐกิจด้านการผลิตสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรชะลอตัวแต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
สำหรับรายละเอียดของเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนในภาพรวมยังคงขยายตัว โดยสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่จัดเก็บบนฐานการใช้จ่ายในประเทศขยายตัว 4.9% เช่นเดียวกับปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 12.6% นอกจากนี้ รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัว 1.5% อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งชะลอตัว -18.7% เช่นเดียวกับปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ชะลอตัว -17.3 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 56.0 ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าของไทยตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนเดือน ธ.ค.62 ส่งสัญญาณชะลอตัว โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยชะลอตัวที่ -1.8 ต่อปี ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ชะลอตัว -22.9% ส่วนการลงทุนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว -4.6% เช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ชะลอตัว -3.1% สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างชะลอตัว -2.1% โดยมีสาเหตุมาจากราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ นายวุฒิพงศ์ ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจภาคการค้าระหว่างประเทศว่า ชะลอตัวแต่ก็ยังปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.62 โดยสะท้อนได้จากมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ชะลอตัวที่ -1.3% เป็นผลจากการชะลอตัวของการส่งออกในหมวดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก ทองคำ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม ผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์ ยังคงขยายตัวได้ และตลาดส่งออกสำคัญที่ยังขยายตัว ได้แก่ ไต้หวัน สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และจีน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยกับประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย พบว่า หลายประเทศมีการส่งออกชะลอตัวเช่นเดียวกัน เช่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ 2.5% ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือนธันวาคม 2562 ยังคงเกินดุล 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน พบว่า ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมยังส่งสัญญาณชะลอตัว โดยภาคการท่องเที่ยวสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวน 3.93 ล้านคน ขยายตัว 2.5% ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวชาวอินเดียขยายตัวถึง 12.4% นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นที่ขยายตัวได้ดี เช่น นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และจีน ขณะที่ภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรชะลอตัว -2.5% เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัว -4.3% สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 91.7 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงภาคการส่งออกที่ยังชะลอตัวจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการ สศค. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.9% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ 41.3% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 อยู่ในระดับสูงที่ 224.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ