หุ้นปิดเช้าบวกแค่ 1.11 จุด ยังเผชิญหลายปัจจัยลบกดดันกลุ่มท่องเที่ยว-การบิน-โรงแรม-ปิโตรฯ-รับเหมาฯ ขณะที่หุ้นในกลุ่มแบงก์เริ่มยืนได้ ช่วยประคองดัชนีฯ แนวโน้มภาคบ่ายตลาดได้ตอบรับปัจจัยลบไปพอควรแล้ว ทำให้อาจจะยืนตั้งหลักได้บ้าง
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ยังติดลบกันอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีบางตลาดฯ เริ่มยืนได้ จากหลายปัจจัยเข้ามากดดัน ไม่ว่าจะเรื่องโรคระบาดปอดอักเสบที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มแพร่กระจายไปหลายประเทศ ทำให้กดดันหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, สายการบิน และโรงแรม ให้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นโยบายของจีนที่ต้องการจะยกเลิกหรือลดการผลิตและการใช้พลาสติก ก็ไปกดดันหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี รวมถึงประเด็นการเสียบบัตรแทนกันในการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ทำให้วิตกว่างบประมาณปี 63 จะมีความล่าช้า ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลง ซึ่งหุ้น CK ได้ปรับตัวลง 4 บาท ในเวลา 4 วันทำการที่ผ่านมา
สำหรับหุ้นในกลุ่มแบงก์เริ่มยืนได้ โดยหุ้น BBL โชว์กำไรจากการลงทุน 15,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา แล้วนำไปใช้ในการตั้งสำรองฯ สูงสุดในกลุ่มแบงก์ โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ที่เริ่มยืนได้ช่วยประคองดัชนีให้กลับมาปิดภาคเช้าในแดนบวกได้
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,576.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.07% มูลค่าการซื้อขาย 42,321.95 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัยกล่าวว่า ตลาดฯ ได้ตอบรับปัจจัยลบไปพอควรแล้ว ทำให้อาจจะยืนตั้งหลักได้บ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,565-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด