ซีอีโอสตางค์ คอร์ปอเรชั่น ระบุ FOIN COIN เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ผลตอบแทนสูงเกินจริง แนะผู้เสียหายลงบันทึกประจำวัน หลังราคาร่วงหนักกว่า 99% ชี้ไม่ควรมีกองทุนเยียวยาเพราะทำให้เกิดขึ้นบ่อย แจงเป็นการลงทุนจากผลตอบแทนที่สูงจึงต้องรับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน
นายปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีของเหรียญ FOIN ที่ราคาตกลงเป็นอย่างมากในขณะนี้ว่า สถานะของเหรียญ FOIN นี้ ถือได้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะดูจากผลตอบแทนที่ประมาณ 8% ต่อเดือนแล้ว ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ แม้จะกล่าวอ้างว่ามาจากการลงทุนในหุ้นบลูชิพของสหรัฐอเมริกาด้วย AI หรือ Machine Learning ก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งดูได้จากการลงทุนของเฮจฟันด์เก่งๆ ที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่่วโลกยังไม่ได้ผลตอบแทนในระดับนี้ และเมื่อเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น มีการกระจายข่าวออกไปมากขึ้น ก็ทำให้ราคาตกลงอย่างมาก
"ในช่วงแรกก็มีการตอบโต้กันอยู่ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ แต่เมื่อมีความชัดเจนขึ้นว่าอยู่ในข่าย แล้วเมื่อข่าวเริ่มแพร่ออกไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนเลยก็คือการเอาเงินออกให้เร็วที่สุด ขณะที่หน้าที่ของแม่ข่ายตอนนี้ก็ต้องพยายามโน้มน้าวให้ลูกข่ายยังมีความมั่นใจเพื่อไม่ให้ถอนเงินออก ใครที่ทันก็จะได้กำไร แต่คนที่ไม่ทันก็เป็นอย่างที่เห็น ซึ่งคนที่เข้าไปเล่นนั้น ก็มีทั้งที่รู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ แต่ก็อยากได้ผลตอบแทนที่มากและคิดว่าสามารถออกได้ทัน แต่คนที่ไม่รู้ลงไปตามคนนั้นคนนี้แนะนำก็มีทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ก็อย่างที่เห็นจากราคากว่า 90,000 บาท เหลือ 90 กว่าบาท"
ทั้งนี้ สิ่งที่แนะนำในขณะนี้ก็คือให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพราะแม้จะไปถอนออกมาตอนนี้ด้วยราคา 90 กว่าบาท ก็ไม่คุ้มค่าอยู่แล้ว และเชื่อว่าแม่ข่ายเองก็น่าจะมีการถอนเงินกันออกไปบ้างอยู่แล้ว ซึ่งหากมีการดำเนินการตามกฎหมายก็อาจจะพอได้คืนมาบ้าง และเพื่อให้เกิดผลต่อผู้กระทำความผิดด้วย
นายปรมินทร์ กล่าวอีกว่า การป้องกันในการเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ยาก แม้จะพยายามให้ความรู้หรือทักท้วงก็ไม่ค่อยจะเป็นผลนัก มักจะโดนต่อว่ากลับด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นคือการเยียวยาด้วยการตั้งกองทุนชดเชยให้ผู้เสียหาย เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนก็รู้ว่าสิ่งที่ลงไปเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่มีความเสี่ยงสูง แต่เลือกที่จะลงทุนเพราะผลตอบแทนที่ล่อใจ ขณะที่นักลงทุนที่ไม่รู้ก็เห็นแก่ผลตอบแทนที่สูงโดยไม่ศึกษาให้ดี ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องรับผิดชอบต่อการลงทุนของตนเอง หากมีการตั้งกองทุนชดเชยขึ้นทุกครั้งที่เกิดปัญหาแบบนี้ ก็จะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
นอกจากนี้ กรณีของ FOIN ก็ยังทำให้ภาพรวมของตลาด Crypto Currency เสียหายไปด้วย เพราะคนจะมอง Crypto เป็นตัวร้ายอีกแล้ว ซึ่งยิ่งทำให้การเกิดขึ้นของ Crypto Currency ในประเทศไทยยากขึ้นไปอีก จากปัจจุบันที่เหนื่อยอยู่แล้ว