ธสน. อัดฉีดอีก 6 พันล้านบาท ออก 2 มาตรการของขวัญปีใหม่ หวังช่วยลดภาระหนี้ทั้งสั้นและยาว และช่วยเสริมสภาพคล่องช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กำหนดระยะเวลาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เดือน ธ.ค.62-ม.ค.63 หวังสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบอีกกว่า 1.57 หมื่นล้านบาท ช่วยการจ้างงานได้อีก 5.2 พันราย และช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อีกราว 750 ราย
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการของขวัญปีใหม่เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกซึ่งเป็นลูกค้าทั้งใหม่และเก่าของธนาคารฯ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม สำหรับมาตรการดังกล่าวนั้นจะประกอบไปด้วย มาตรการที่ 1 คือ มาตรการเสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออก ผู้นำเข้าเพื่อผู้ผลิตในการส่งออก และผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก โดยเอสเอ็มอีจะสามารถเลือกได้ว่าตนเองจะใช้วงเงินกู้ระยะยาวหรือวงเงินกู้ระยะสั้น เพื่อนำไปลดภาระในการชำระหนี้ และเพิ่มสภาพคล่องกิจการให้มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินธุรกิจส่งออก หรือปรับปรุงเครื่องจักร โรงงาน เทคโนโลยีการผลิต
โดยมาตรการดังกล่าวนี้ ธสน. ได้กำหนดวงเงินสูงสุดไว้ที่ 20 ล้านบาทต่อราย ส่วนระยะเวลาชำระคืนนานถึง 7 ปี ส่วนเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยในปีที่ 1-2 จะเท่ากับ 3.99% ต่อปี ทั้งนี้ สามารถใช้หนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นหลักประกันร่วมกับหลักประกันอื่นๆ โดยจะฟรีค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อผ่าน บสย. สูงสุด 4 ปี โดยกำหนดเป้าหมายวงเงินอนุมัติสินเชื่อรวมที่ 2,000 ล้านบาท
ส่วนมาตรการที่ 2 จะเป็นการลดภาระการชำระหนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีของ ธสน. ที่ยังไม่มีความต้องการวงเงินเพิ่ม แต่มีความต้องการขอลดภาระการผ่อนชำระหนี้รายงวดทั้งที่เป็นหนี้ระยะสั้นและหนี้ระยะยาวซึ่งมีอยู่กับ ธสน. โดยลูกค้าที่มีวงเงินกู้ยืมระยะยาวนั้น ธนาคารฯ จะขยายระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 2 ปี ส่วนในกรณีที่ลูกค้าขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ไม่เกิน 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดิม 0.125% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าที่มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจะได้รับการเพิ่มสัดส่วนการเบิกกู้และลดอัตราดอกเบี้ย โดยเบิกกู้ได้เพิ่มสูงสุด 95% ของมูลค่า L/C และ 85% ของมูลค่า P/O พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.125% ต่อปีเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมาตรการนี้จะมีวงเงินสนับสนุนจาก ธสน. ราว 4,000 ล้านบาท โดยคาดจะมีจำนวนลูกค้าที่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการดังกล่าวอยู่ราว 400 ราย
นอกจากนี้ ในส่วนของลูกค้าที่มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจะได้รับการเพิ่มสัดส่วนการเบิกกู้และลดอัตราดอกเบี้ย โดยเบิกกู้ได้เพิ่มสูงสุด 95% ของมูลค่า L/C และ 85% ของมูลค่า P/O พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.125% ต่อปีเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมาตรการนี้จะมีวงเงินสนับสนุนจาก ธสน. ราว 4,000 ล้านบาท โดยคาดจะมีจำนวนลูกค้าที่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการดังกล่าวอยู่ราว 400 ราย
กรรมการผู้จัดการ ธสน. กล่าวเพิ่มเติมถึงระยะเวลาให้ความช่วยเหลือจากทั้ง 2 มาตรการนั้นจะเริ่มตั้งแต่เดือน ธ.ค.62-ม.ค.63 ซึ่งคาดว่าจะช่วยอัดฉีดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกราว 15,700 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานได้ราว 5,200 ราย รวมทั้งยังจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาหนี้ให้แก่ผู้ส่งออกเอสเอ็มอีที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการส่งออกได้ราว 750 ราย รวมทั้งยังจะช่วยปรับปรุงสินค้าและบริการให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะแข่งขันท่ามกลางตลาดโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในปี 63 ด้วย