รายงานข่าวจาก JLL เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เน้นประสบการณ์ความประทับใจจากทั่วโลก หนุนให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจลงทุนซื้อรีสอร์ตในเมืองท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จากรายงาน Global Resort Report ที่จัดทำโดยหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL พบว่า ในเกือบทุกภูมิภาคของโลก การลงทุนซื้อขายรีสอร์ตมีมูลค่าคิดเป็น 7% ของการลงทุนซื้อขายรีสอร์ตและโรงแรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด เว้นแต่ภูมิภาคอเมริกาที่มีสัดส่วนคิดเป็น 20% ทั้งนี้ Private Equity Fund มีการเข้าซื้อรีสอร์ตรวมมูลค่าสูงสุดทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการซื้ออยู่ระหว่าง 20-50% เมื่อเทียบกับทุนประเภทอื่นที่ซื้อรีสอร์ตในแต่ละภูมิภาค
ทั้งนี้ Global Resort Report จาก JLL ได้นำเสนอการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างตลาดรีสอร์ตในหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของภูมิภาคอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก โดยครอบคลุมในเรื่องของข้อมูลจำนวนรีสอร์ตในแต่ละเมือง และปริมาณการลงทุนซื้อขายที่เกิดขึ้น โดยรีสอร์ตในที่นี้ หลักๆ หมายถึงที่พักที่มีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกและบรรยากาศที่เอื้อให้ผู้ใช้บริการสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้ในระดับที่มากกว่าการเข้าพักโรงแรมทั่วไปที่เน้นการให้บริการที่พักและอาหารเป็นหลัก
ภูเก็ตเป็น 1 ใน 3 ตลาดการลงทุนซื้อขายรีสอร์ตสำคัญของเอเชียแปซิฟิกที่รายงานฉบับนี้ของเจแอลแอลครอบคลุม โดยนับตั้งแต่ปี 2557 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2562 มีการซื้อขายรีสอร์ตเกิดขึ้นรวมมูลค่าทั้งสิ้น 4.85 พันล้านบาท ครึ่งหนึ่งของรีสอร์ตเหล่านี้มีการซื้อขายในราคาที่สูงกว่า 950 ล้านบาท รายงานของเจแอลแอลยังระบุด้วยว่า ในช่วงเดียวกัน ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 79% ของมูลค่าการซื้อที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งนี้ นักลงทุนสิงคโปร์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนการซื้อคิดเป็น 58%
ในส่วนของประเภทธุรกิจของผู้ซื้อ พบว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนกว่า 65% ของมูลค่าการซื้อที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตามด้วยบริษัทผู้ประกอบการ/บริหารโรงแรม 20% ภาคการท่องเที่ยวของภูเก็ตที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการลงทุนซื้อขายรีสอร์ตและโรงแรมในภูเก็ตได้รับความสนใจสูง ทั้งนี้ ในช่วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (2551-2561) จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยที่เข้ามาที่พักค้างคืนในภูเก็ตมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10.9% และ 9.9% ต่อปีตามลำดับ ในขณะที่ 72.7% ของนักท่องเที่ยวเป็นชาวต่างชาติ
น.ส.ปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า จากภาวะเงินบาทแข็งค่าและเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ไม่แจ่มใสนัก จึงมีแนวโน้มว่า การขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าภูเก็ตจะชะลอตัวในปีนี้ อย่างไรก็ดี พบว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจหาโอกาสลงทุนซื้อรีสอร์ตในภูเก็ต เนื่องจากยังมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
“นอกจากนี้ การเปิดเส้นทางการบิน-เที่ยวบินเพิ่ม การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเป้าหมายสำคัญๆ และการที่รีสอร์ตจะสร้างเสร็จเพิ่มไม่มาก ทำให้ตลาดรีสอร์ตของภูเก็ตในระยะปานกลางถึงระยะยาวมีแนวโน้มที่ดี” น.ส.ปิตินุช กล่าว
สำหรับรายงาน Global Resort Report ของเจแอลแอล ครอบคลุมรีสอร์ตที่มีการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานโดยแบรนด์บริหารจัดการทั้งของไทยและต่างชาติ ซึ่งการศึกษาของเจแอลแอล พบว่า ณ กลางปีนี้ ภูเก็ตมีรีสอร์ตในกลุ่มนี้คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 14,300 ห้อง และมีที่จะสร้างเสร็จในระหว่างช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ถึงสิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้นรวมอีกเพียงประมาณ 540 ห้อง หรือเพียงไม่ถึง 4% ของจำนวนห้องพักที่มีอยู่เดิม
การท่องเที่ยวเชิงแสวงหาประสบการณ์ความประทับใจซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้รีสอร์ตเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทหนึ่งที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ รายงานที่ Global Resort Report ของเจแอลแอล เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจรีสอร์ตโดยรวมทั่วโลกจะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยในปี 2562 นี้คาดว่า ทั่วโลกจะมีผู้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 2.2 พันล้านครั้ง และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตลอดทศวรรษหน้า