“รมว.คลัง” ย้ำ ให้อำนาจ ธปท. เป็นผู้พิจารณาจะลดดอกเบี้ยนโนบายตามหลังผลประชุมของ FOMC หรือไม่ พร้อมขอประชาชนช่วนเฝ้าระวังแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ หากมีเบาะแสรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจัดการ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแล ส่วนการหารูปแบบในการจัดตั้ง LTF ระหว่าง สศค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รอหลังปิดการประชุมอาเซียนซัมมิทแล้ว ขณะที่ “ชิมช้อปใช้ 3” ยังไม่สรุปคนไทยจะเห็นได้ในปีนี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลประชุมจากคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่มีมติลดดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับ 1.50-1.75% ว่า ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นผู้พิจารณา โดยตนเชื่อว่า ธปท. จะมีข้อมูลที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว ทั้งยังย้ำด้วยว่า กระทรวงการคลังจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของ ธปท.
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงการชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนในแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนในอัตราสูงว่า ต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทราบถึงแชร์ลูกโซ่ไม่ได้เป็นการลงทุน อีกทั้ง ประชาชนอาจจะถูกหลอกลวงจนต้องสูญเสียทรัพย์สิน โดยตนขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเพื่อสอดส่องดูแลไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวให้เข้าดูแล และหากประชาชนรายใดที่มีเบาะแสการกระทำที่เข้าข่ายแล้ว ขอให้รีบแจ้งความร้องทุกข์มายังกระทรวงการคลังโดยผ่านคลังจังหวัดที่มีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้
ด้านความคืบหน้าของแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรูปแบบใหม่ เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะสิ้นสุดการใช้งานมาตรการภาษีเพื่อมาสนับสนุนการลงทุนในสิ้นปี 2562 ว่า หลังจากที่มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้น สศค. มีความพร้อมที่จะมาหารือในรูปแบบของกองทุนจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม การหารือจะมีขี้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียนหรืออาเซียนซัมมิท ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. นี้ก่อน
ส่วนความเป็นไปได้ในการออกมาตรการชิมช้อปใช้ ระยะที่ 3 ภายในปี 62 นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่สามารถสรุปได้ว่าจะมีโครงการออกมาได้ภายในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงการคลังจะต้องประเมินผลมาตรการฯ ทั้งระยะ 1 และ 2 ก่อนที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งถึงขั้นตอนต่อไปจะเป็นเช่นไรบ้าง อีกทั้ง กระทวงการคลังก็เพิ่งจะเริ่มต้นมาตรการฯ ระยะที่ 2 ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวจึงต้องรอประเมินผลของมาตรการฯ ดังกล่าวนี้ก่อน