น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 29,924 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,502 ล้านบาท หรือ 4.78% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 4,051 ล้านบาท หรือ 5.54% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.34% สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 2,753 ล้านบาท หรือ 6.20% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง และการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 2,684 ล้านบาท หรือ 5.49% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 43.41%
ทั้งนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้สอดคล้องต่อความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 9,951ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนจำนวน 22 ล้านบาท หรือ 0.23% และเพิ่มขึ้น 2.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 326 ล้านบาท หรือ 1.27% โดยมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.34% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 2,139 ล้านบาท หรือ 15.68% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยในไตรมาสนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.52% อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้สอดคล้องต่อความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,240,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 จำนวน85,043 ล้านบาท หรือ 2.70% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิและเงินให้สินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPLgross) ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 อยู่ที่ระดับ 3.53% ขณะที่สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.34% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 อยู่ที่ระดับ 153.58% โดยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 160.60% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 อยู่ที่ 19.10% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.76%
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3 ปี 2562 ยังไม่มีแรงหนุนเข้ามามากนัก ซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องจากที่เศรษฐกิจเติบโตประมาณ 2.30% ในไตรมาส 2 ปี 2562 โดยแม้เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2562 มีแรงหนุนจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว แต่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวหลัก ทั้งการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนยังมีทิศทางชะลอตัว สอดคล้องต่อการชะลอตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยืดเยื้อของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความกังวลต่อความเสี่ยงเกี่ยวกับการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี ทิศทางเศรษฐกิจไทยอาจได้รับแรงหนุนมากขึ้นจากมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี