"สรรพสามิต" ลดภาษียาสูบจาก 0.10 บาทต่อกรัม ลงเหลือ 0.025 บาทต่อกรัม เพื่อช่วยเกษตรกรผู้เพาะปลูก หั่นและจำหน่ายและผู้ผลิตรายย่อยที่มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยไม่เกินปีละ 1.2 หมื่น กก. ยกเว้นส่วนที่เกินให้เสียภาษีในอัตรา 0.10 บาทต่อกรัม โดยกำหนดระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.63 หากพ้นกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าวแล้วจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.10 บาทต่อกรัม พร้อมทั้งจะแก้ไขการได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตรา 0 ให้ครอบคลุมถึงผู้ค้าคนกลางที่ขายเป็นวัตถุดิบให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบด้วย
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวถึงการปรับปรุงหลักเกณฑ์ภาษีสรรพสามิตสำหรับยาเส้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกและผลิตยาเส้น ว่า กรมสรรพสามิตเสนอให้มีการพิจารณาปรับลดอัตรายาเส้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราภาษียาเส้น เมื่อวันที่ 7 พ.ค.62 จากอัตราเดิม 0.005 บาท/กรัม เป็นอัตรา 0.10 บาท/กรัม
สำหรับรายละเอียดนั้น โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จะทำการปรับลดอัตราภาษีตามปริมาณสำหรับเกษตรกรผู้เพาะปลูก หั่นและจำหน่ายและผู้ผลิตรายย่อยที่มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยไม่เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี ให้เสียภาษีในอัตรา 0.025 บาทต่อกรัม สำหรับจำนวนยาเส้นที่เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี ให้เสียภาษีในอัตรา 0.10 บาทต่อกรัม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวกำหนดให้มีระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.63 และหากพ้นกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าวแล้วจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.10 บาทต่อกรัม
โดยจากฐานข้อมูลการชำระภาษียาเส้นในปีงบประมาณ 62 พบว่า จากผู้ผลิตยาเส้นที่เป็นเกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยที่ผลิตได้เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี จำนวนเพียง 15 ราย จากทั้งหมด 10,450 ราย โดยทั้ง 15 รายเป็นผู้ผลิตที่อยู่ในจังหวัดหนองคาย เพชรบูรณ์ และชัยภูมิ ส่วนวัตถุประสงค์ในการลดอัตราภาษีสำหรับกรณีดังกล่าวนี้ เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกและผลิตยาเส้น รวมถึงผู้ผลิตยาเส้นรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวให้สามารถปรับตัวรองรับต่อนโยบายของรัฐบาลด้านสาธารณสุขในการลดการบริโภคยาสูบและยาเส้นในอนาคต
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังจะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมโดยปรับแก้ไขการได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตรา 0 ให้รวมถึงผู้ค้าคนกลางเพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ รวมทั้งกรมสรรพสามิตยังมีประกาศเรื่องขยายกำหนดเวลาในการทำบัญชีและงบเดือนและการยื่นงบเดือนแก่ผู้ประกอบการยาสูบประเภทยาเส้นที่ปลูกและหั่นเอง เพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบซึ่งเสียภาษีในอัตราศูนย์ ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระของเกษตรกรและเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรรายย่อย