xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ ชี้ไม่ต่อ LTF เม็ดเงินหาย 33,000 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล.เอเซียพลัส ชี้เม็ดเงินลงทุนหาย 33,000 ล้านบาท หากไม่ต่ออายุ LTF จากเฉลี่ยแต่ละปีมีเม็ดเงินลงทุน LTF ประมาณ 66,000 ล้านบาท โดยต้องติดตามว่าจะมีการออกกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือกองทุน SEF เพื่อมาทดแทน LTF หรือไม่

นายภราดร เตียรณประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า หากปี 2563 ไม่ต่ออายุสิทธิลดหย่อนภาษีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF ) คาดว่าเม็ดเงินซื้อลงทุน LTF จะลดลงร้อยละ 50 เหลือ 33,000 ล้านบาท จากเฉลี่ยแต่ละปีมีเม็ดเงินลงทุน LTF ประมาณ 66,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2563-2564 ไม่มี LTF ที่ครบกำหนดขายได้ เนื่องจากมีการแก้เกณฑ์การถือครองจาก 5 ปี เป็น 7 ปี ทำให้นักลงทุนที่เริ่มซื้อปี 2559 จะครบกำหนดขายเลื่อนไปอยู่ในปี 2565 แทน การขายจึงไม่น่าจะซ้ำเติมภาวะตลาดมากนัก

"ที่ต้องจับตาดูและอาจเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้น หากไม่ต่อสิทธิ์ลดหย่อนภาษีจริงๆ อาจต้องระวังเม็ดเงินที่ลงทุนใน LTF ที่ยังไม่ขาย แม้จะครบกำหนดขายได้แต่ยังไม่ขาย ซึ่งมีอยู่ 180,000 ล้านบาท อาจขายออกเมื่อไม่การต่อสิทธิลดหย่อนทางภาษีก็ได้" นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวว่า ต้องติดตามว่าจะมีการออกกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือกองทุน SEF (Sustainable Equity Fund) เพื่อมาทดแทน LTF หรือไม่ เพราะหากไม่มี LTF และ SEF จะส่งผลให้เม็ดเงินที่เคยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นลดลง โดยเม็ดเงินที่ลดลง 10,000 ล้านบาท จะกระทบดัชนีตลาดหุ้น ณ ขนาดนั้นลดลงร้อยละ 2 ดังนั้น หากเม็ดเงิน 33,000 ล้านบาทต่อปีหายไป จะกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นลดลงร้อยละ 6 หรือประมาณ 30 จุด

อย่างไรก็ตาม หากนโยบายการลงทุนปรับ LTF มาเป็น SEF ที่กำหนดเกณฑ์เพื่อรับสิทธิทางภาษีใหม่จะมี 20 หุ้น ได้ผลบวกจากที่มีโอกาสถูกกองทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากที่สุด คือ AOT , PTT, ADVANC, SCC, DIF, PTTEP ,TRUE , CPF, EA, SCB ,PTTGC, CPN, HMPRO, RATCH , DTAC , BEM, TOP, BTSGIF,JASIF, DELTA

สำหรับกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือกองทุน SEF (Sustainable Equity Fund) คัดเลือกจากบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัทในการตัดสินใจลงทุนควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท


กำลังโหลดความคิดเห็น