หุ้นไทยปิดร่วง 10.45 จุด ตามต่างประเทศ กังวลเจรจาสหรัฐฯ-จีนยังไม่แน่นอน โดยหุ้นไทยได้รับแรงกดดันกลุ่มแบงก์-โรงกลั่นถอยลง แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดยังอ่อนแอ แต่หากดัชนีลงมาบริเวณแนวรับแรก 1,610 จุด และไม่มีปัจจัยลบร้ายแรงก็มีสิทธิ์ที่ดัชนีจะรีบาวนด์ขึ้นได้
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องรับแรงกดดันหลักจากหุ้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มโรงกลั่นที่ถอยลงมา โดยกลุ่มแบงก์อยู่ในช่วง Preview ผลประกอบการไตรมาส 3/62 อาจไม่สดใส เนื่องจากแบงก์ส่วนใหญ่คงจะ Conservative ไว้ก่อนทำให้ตั้งสำรองสูงกดดันกำไรไม่ฟื้น อีกทั้งสินเชื่อยังไม่เติบโตมากนัก ส่วนกลุ่มโรงกลั่นรับผลค่าการกลั่นปรับลง 20% เมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ หลังจากซาอุดีอาระเบียกลับมาผลิตน้ำมันได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงขายสุทธิหุ้นไทย และยังไม่มีปัจจัยใหม่มากระตุ้นด้วย
ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างก็ปรับตัวลงทุกตลาด เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบกว่าร้อยจุด คงเป็นความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาชะลอลง โดยล่าสุด PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เห็นภาพการชะลอตัวชัดมากขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,613.64 จุด ลดลง 10.45 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 42,249.77 ล้านบาท ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,632.96 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 847.80 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 779.61 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,260.37 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) น.ส.อาภาภรณ์กล่าวว่า ตลาดยังอ่อนแอ แต่หากดัชนีฯ ลงมาบริเวณแนวรับแรก 1,610 จุด และไม่มีปัจจัยลบร้ายแรงก็มีสิทธิ์ที่ดัชนีฯ จะรีบาวนด์ขึ้นได้