หุ้นปรับลงหลังตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ-ยูโรโซนเผชิญภาวะหดตัว อันเป็นผลจาก ศก.โลกชะลอ

หุ้นปิดเช้าลบ 8.83 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หลังตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ-ยูโรโซนเผชิญภาวะหดตัวอันเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอ นอกจากนี้ ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทำให้เม็ดเงินลงทุนมีการโยกย้ายจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย แนวโน้มภาคบ่ายคาดตลาดยังมีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวนด์ได้ในช่วงสั้น แต่ตลาดก็ยังอ่อนแออยู่

น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบตลอด วอลุ่มเทรดบางมาก เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงราว -0.3% ถึง -0.5% เป็นไปตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวลง หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือน ก.ย. ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.2 ซึ่งครั้งนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี แม้แต่ภาคการผลิตของยูโรโซนก็เผชิญภาวะหดตัว ซึ่งเป็นผลสะท้อนที่มาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ภาคการผลิตถูกกระทบไปด้วย

นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทำให้เม็ดเงินลงทุนมีการโยกย้ายจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย อย่างตลาดในกลุ่ม TIP เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงมากกว่าตลาดอื่นในเอเชีย ซึ่งได้เห็น Fund Flow ไหลออกไป

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,615.26 จุด ลดลง 8.83 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.54% มูลค่าการซื้อขาย 21,588.86 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.จิตรากล่าวว่า ตลาดฯ ยังมีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวนด์ได้ในช่วงสั้น แต่ตลาดฯ ก็ยังอ่อนแออยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,608 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด